จะบอกว่า เกิดมาผิดยุค ก็อาจจะได้ เพราผมเชื่อว่า วงนี้มีของระดับที่ว่า ถ้าเกิดในยุคที่อัลเทอร์เนทีฟเฟื่องฟูในสมัยก่อนหน้านี้ช่วง90sนั้น  นี่จะกลายเป็นวงในตำนานที่ยืนเคียงคู่กับวงใหญ่เก๋าๆในปัจจุบันนี้ได้หลายๆ วงเลยทีเดียว

 

เพียงแต่ว่า DE นั้น เกิดมาในยุคที่โลกปัจจุบันมีวงการเพลงเป็นเช่นนี้ เป็นอย่างที่เรารู้ๆกันอยู่คือ ศิลปินจะเกิดมาโดดเด่นเปรี้ยงเดียวแบบสมัยก่อนยาก ด้วยตัวเลือกแห่งการแข่งขัน ด้วยความตกต่ำของวงการเพลงในแง่ของการ”ขาย” ผล งาน เพราะใครๆก็สามารถหาช่องทางดูฟรี ฟังฟรีกันได้ทั้งนั้น จนเพลงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ไว้ให้ศิลปินใช้เท่านั้น ไม่ใช่ตัวproductที่ใช้ขายตรงๆอีกต่อไป ดังนั้น Desktop Error ก็ ต้องเกิดมาผจญความลำบากในยุคนี้จริงๆ  แต่ก็นั่นแหละ แม้วงการเพลงไทยจะลำบากขนาดนี้ แต่ทำไมคนมีความฝันอย่างพวกเขา และอีกหลายๆคนยังพยายามสร้างงานกันออกมาอยู่อีกล่ะ? นี่แหละ น่าคิด


         และนี่แหละ คือทางสว่างของวงการเพลงไทย เหมือนอย่างที่ Desktop Error ยืนยันในจุดยืนของตัวเองแล้วก็สร้างงานเจ๋งๆชุดนี้ขึ้นมา  ขอย้ำเลยว่า “เจ๋งจริง”  หลัง จากฟังแล้ว  เรื่องอวยนี่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ชอบเพลงอินดี้ที่ฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่พยายามจะสื่อสารกับคนฟังอยู่แล้ว ถ้างานมั่วๆเมาๆ ผมก็ด่า  แต่จะบอกว่า Desktop Error ชุดนี้ ไม่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่แวบเดียว แบบไม่ต้องหลอกตัวเองหรือท่านผู้อ่าน  และงานชุดนี้นั้นเจ๋งจริง ควรค่าแก่การเสียตังค์ให้มากๆ  ดีตรงไหนบ้างเดี๋ยวจะเล่าสู่กันฟังและแนะนำเพลงอีกที

          ที่มาของวง ผมเคยเขียนคร่าวๆไปแล้ว และก็เคยเขียนแนะนำในส่วนของซิงเกิล “ควันจางลา” ไป แล้ว สำหรับวง “เดสกึถ็อบ แอร์เร่อะร์” วงนี้  ผมขออนุญาตinceptionตัวเองอีกครั้ง ด้วยการเปิดวาปไปที่รีวิวอันนั้น เพลงเดียว ไปอ่านกันได้ตามนี้ครับ http://news.you2play.com/archives/31906  ไปอ่านกันได้เลยเพลินๆจ้า วงที่เริ่มจากการcoverงานเพลงสายเกาะอังกฤษสไตล์ภาคพื้นทวีปยุโรปนิยม   จนพัฒนาและสั่งสมมาเรื่อยๆจนในที่สุด Alternative Rock ในแบบของ Desktop Error ก็กำเนิดขึ้น ด้วยไลน์กีต้าร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ประมาณว่า ล่องลอยไปกับความรู้สึกที่ปลดปล่อยออกมา ตามอารมณ์ของเพลงนั่นเอง กับงานชุดลำดับถัดมาจาก Ticket to Home มีการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งท่าไม้ตายเดิมของวงที่เป็นสิ่งที่แฟนเพลงของวงชื่นชอบมาโดยตลอด
         จะบอกว่า นี่คือจุดเด่นของวง และของอัลบั้ม Keep looking  at the window นี้มากๆ นั่นก็คือเอกลักษณ์ของวงในแง่ของ “การใช้อารมณ์ของดนตรีเป็นแกนหลัก โดยผนวกกับคอนเซปต์เพลง เพื่อช่วยในการสื่อสารข้อความให้คนฟัง”  นี่ แหละคือจุดแข็งที่สุดของวง  เรื่องของความเจ๋งที่ผมบอกไว้ก่อนหน้านี้นั้น ก็คือเรื่องนี้แหละ จุดนึงที่ต้องชมเชยก่อนเลยสำหรับชุดนี้นั่นคือ “ภาคดนตรี” ของวงนี้  ดนตรีดีมาก แม้จะมีลายเซ็นต์ แต่มีลูกเล่น มีริฟเฉพาะตัว มีเทคนิคที่ทำให้มันสื่อสารท่วงท่า หรืออารมณ์ที่แตกต่างกันได้อย่างดี  และองค์รวมของการผสมผสานความเป็นเอกภาพของดนตรีทั้งเพลง ทั้งวงนั้น  มันมีมิติค่อนข้างสูง  คือฟังแล้วมันลึกดี ไม่ได้เป็นแค่ซาวด์ก๊องแก๊งฟังให้รำคาญหูแต่อย่างใด นี่คือจุดเด่นคะแนนเต็ม10 ที่ผมให้กับพวกเขาในเพลงชุดนี้

         การสื่อสารทางด้านเนื้อหาเพลงนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยม อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าผมปลื้มมากที่วงนี้ไม่ต้องติดอยู่ในวังวนอุบาทว์ที่ ต้องเขียนแต่เพลงรักแมร่งอย่างเดียว  แต่วงนี้สามารถทำสิ่งที่อยากทำได้  สามารถเขียนและสื่อสารในแบบที่ต้องการได้อย่างดี ซึ่งตรงส่วนนี้ผมชอบมาก เป็นทางเลือกที่ดีให้คนฟังเพลงเวลาเลี่ยนเพลงรักนั่นแหละ ไม่ได้บอกว่าเพลงรักไม่ดี เพราะผมก็แต่งเพลงรักเช่นกัน แต่การมีทางเลือกที่พูดถึงเรื่องราวกว้างๆ มุมอื่นๆบ้าง ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน


         เพลงในอัลบั้มนี้มีน่าสนใจ น่าแนะนำอยู่มากมายหลายๆเพลง  ผมชอบเยอะมากนะเกือบทั้งชุดเลยที่อยากเอามาเขียนบอกแต่คงบอกได้ไม่หมด ไม่งั้นคงต้องเขียนทั้งหมดแน่ๆ  เริ่มแรกก่อนเลยคือ  ควันจางลา  เพลงนี้ไปฟังก่อนเลย อ่านตามรีวิวด้านบนก็ได้ เพลงที่สร้างspaceเฉพาะตัวที่น่าค้นหา และตัวของ lyricหรือเนื้อหาเพลงที่สัมพันธ์กับคอนเซปต์เพลง  เพลงนี้ผมว่า ลงตัวมากที่สุด มันbalanceดีระหว่างเนื้อร้อง เนื้อหา กับ ดนตรี  ไม่มีอะไรเหลื่อมไป  ชอบมากๆครับ ห้ามพลาด

เพลงอื่นๆ ผมชอบอีกเยอะเลย  ตั้งแต่ กุญแจผี  ที่ได้ ซาวด์ที่ลึกลับๆ แหวกแนวเพลงอื่นหน่อย  แต่ดนตรีดีมากจริงๆ เสียงกลองที่ใช้นี่ผมก็ไม่แน่ใจแต่เดาว่าเป็นกลองอินเดียที่มีเสียงเฉพาะตัว แบบชัดเจน รวมถึงไลน์ต่างๆที่เรียบเรียงลงมา อย่างที่แฟนๆบอกนั่นแหละว่า แค่เพียงแรกtrackเดียว ก็อยากฟังสักร้อยรอบให้สะใจ แล้วค่อยไปฟังเพลงต่อไปนั่นล่ะ
 


 
        เปลี่ยนทิศ เป็นเพลงที่ผมสนใจตัวเนื้อร้องสุดๆ ในขณะที่ดนตรีก็โปร่ง และไม่อัดแน่นจนเกินไป  เพราะความอิสระของมัน ทำให้ความหมายของเพลงมันเด่นชัดขึ้นด้วย ต้องตั้งใจฟัง 
 
 

         ปัจจุบันนา  นี่เป็นโคตรไฮไลท์เลย  แค่introมาก็แดรกขาดแล้วครับพี่น้อง (ขออนุญาตใช้คำหยาบเพื่อให้เห็นภาพจริงๆ) ดนตรีดีมาก ฟังแล้วอะดรีนาลีนหลั่งปริ๊ดๆๆเลยซาวด์มาแบบนี้ เออคงต้องชมการmasteringด้วยมั้งที่ทำให้งานมีมิติขนาดนี้ สุดยอดจริง เพลงเปรียบเทียบและพูดในแง่ของปรัชญากับสิ่งต่างๆ บวกเข้ากับ “กาลเวลา” คงต้องโฟกัสที่ความหมาย แล้วลองปล่อยใจกับดนตรีนี้ดู  เพลงนี้ผมให้มันเป็นศิลปะแห่งความดำดิ่งชั้นยอดหมายเลข8เลย  อินฟินิตี้มาก เพลงนี้artแบบเหนือชั้นจริงๆครับ คอนเฟิร์ม จะไม่เสียดายเวลา6นาทีที่ใช้ฟังเลย อันนี้พูดจริงๆ
 
 

         อีกเพลงเด่นๆที่กระตุกความรู้สึกผมได้ ก็น่าจะเป็นเพลง “พัก”  ที่ อย่างที่บอก ดนตรีทำเข้ากับคอนเซปต์และอารมณ์เพลงมาก สำหรับผมเพลงนี้cuteที่สุดในอัลบั้มแล้ว แลดูแอ๊บหน่อมแน้มเล็กๆ  แต่มันเข้ากับการ พอ การ พัก การ หยุด จริงๆ  ต้องฟังดูครับ เป็นการกระชากผู้ฟังกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องพักกับสิ่งที่เหน็ด เหนื่อยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ฟังสบายดีครับ ^^
 
 

         พบ พา ลา จาก  แค่ชื่อเพลงก็ปรัชญาจ๋าแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆที่เราเข้าใจได้ เป็นสัจธรรมที่แท้จริงอย่างหนึ่ง เพลงนี้ผมชอบเมโลดี้นะ นุ่มดี ให้ความรู้สึกด้านบวกที่ซอฟท์ๆ แอบแฝงอยู่ในเพลงพอประมาณเลย  ไม่เชื่อฟังท่อนคอรัสดู / เปลือยเปล่า เป็นอีกเพลงที่แอบซ่อนความเก๋าอยู่ในกลิ่นอายเล็กๆ ผมได้กลิ่นคาวบอยแห่งทุ่งทะเลทรายสีน้ำตาลเล็กๆนะ มันเหมือนมีลูกคันทรี่ซ่อนอยู่ในดนตรีเล็กๆ   ดนตรีวงนี้ก็เปิดกว้างให้คนฟังได้จินตนาการเหมือนกันนะนี่ (เพราะผมก็สัมผัสฟีลลิ่งไปเรื่อย)
 
 

         เพลงสุดท้าย อย่างเพลง นิทานวันวาน ก็เป็นเพลงเบาๆที่เหมาะกับการมาปิดท้ายอัลบั้มได้อย่างดี  ทำได้น่าประทับใจที่ใช้ความซอฟท์ง่ายๆ มาปิดขบวนไปอย่างสงบ เหมือนไฟที่ค่อยๆดับ มอดลงภายในใจคนฟังอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว  เนื้อหาแม้จะไม่สื่อแบบตรงๆโต้งๆ แต่คนฟังต้องคิดตามทุกท่วงทำนองของมัน  ไม่ได้ลึกมากขนาดนั้น  แต่เนื้อเพลงก็มีอะไรให้ขบอยู่ทุกๆประโยคของทุกๆเพลงเช่นกัน
 
 

         เพลงอื่นๆในอัลบั้มก็น่าสนใจแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลง  ไม่ต่าง น้ำค้าง ต่างด้าว เป็นต้น  ซึ่งถ้าใครที่ชอบดนตรีสไตล์ของ Desktop Error แล้ว ละก็ เพลงนี้คือบทเพลงที่มีคุณค่าสำหรับคุณ และฟังแล้วมันเจ๋งมากทุกเพลงเช่นกัน  เรื่องดนตรีนี่สุดยอดจริงๆล่ะ ลองไปหาฟังกันดูครับ อย่างที่ผมบอก วงนี้ทำให้ผมนึกถึงกลิ่นอายวงเก่าๆสมัยก่อนนู้นอย่าง พราว MDยุคแรกๆ หลังจากได้ฟัง DEแล้ว  ผมบอกตัวเองเลยว่า มันใช่แบบที่ผมคิดจริงๆ  วงนี้เป็นอัลเทอร์เนทีฟที่ทะลุมิติเวลามา ทั้งๆที่พวกเขานี่ น่าจะได้อยู่ในยุคนั้นด้วยซ้ำอีกวงเลย เจ๋งมากๆ

         วงดีๆแบบนี้ อุดหนุนงานพวกเขากันหน่อยนะครับ อย่าให้มันจางไปกับกระแสของเวลาและงานเพลงฉาบฉวยเลย..

 

Go to top