วันนี้ขอนำเสนอบทความพิเศษจากมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกปี 2014 ที่พึ่งจบลงไป หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับนักกีฬาหรือผู้ฝึกสอนไม่มากก็น้อยนะครับ ลองติดตามอ่านดู

บทความ: กว่าจะเป็นแชมป์โลก Die Mannschaft!!
โดยอาจารย์เกริกวิทย์ พงศ์ศรี
ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

 ในฐานะนักวิชาการในวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาก็จะขอเสนอบทความที่น่าจะ เป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ เป็นเกร็ดเรื่องราวความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลกของทีมชาติเยอรมันในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 2014 ที่ประเทศบราซิล ซึ่งถือเป็นชาติยุโรปชาติแรกที่มาครองแชมป์ในทวีปอเมริกาใต้ได้สำเร็จ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ทีมก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์โลกทีมล่าสุดและประสบความ สำเร็จอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่รอบลึก ๆ ในทัวร์นาเม้นต์หลักตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลองไปดูกันครับ

 

 

1. การทำงานที่ใส่ใจในรายละเอียดยิบของสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน (เดเอฟเบ) โดยเริ่มวางแผนหลังจบทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลยูโร 2012 ที่ยูเครนและโปแลนด์ โดยแคมป์ที่พักนักเตะทีมชาติที่บราซิลได้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าก่อนการแข่ง ขันจะเริ่มเกือบ 1 ปี ทีมได้เช่าเหมาเฮลิคอร์ปเตอร์สำรวจโรงแรมที่แนะนำโดย FIFA ทั่วประเทศบราซิลกว่า 25 แห่ง แต่ไม่ถูกใจ เพราะโดยมากอยู่ในรัฐทางตอนใต้ซึ่งมีสภาพอากาศเย็นและไกลจากเมืองที่ต้องทำ การแข่งขันในรอบแรก ทั้งนี้ใน 3 เกมรอบแรกนั้นเยอรมันจะต้องทำการแข่งขันในเมืองทางตอนเหนือซึ่งอยู่ในเขต อากาศร้อน จึงมีการประชุมปรึกษาหารือระหว่างทีมงานด้านบริหารของสหพันธ์ ฯ ผู้ฝึกสอนและกัปตันทีมฟิลิปป์ ลาห์มขอเลือกรีสอร์ทกีฬาของนักธุรกิจชาวเยอรมันที่ยังไม่เริ่มสร้างและลงมือ สร้างเองทันทีเพื่อการนี้ ชื่อรีสอร์ท CAMPO BAHIA ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็น a state-of-the-art base camp ตั้งอยู่ที่เมือง Santo Andre ใกล้กับเมือง Porto Seguro เพียง 45 นาที ซึ่งมีสนามบินหลักใช้ในการเดินทางไปแข่งขันแต่ละเกม อยู่ในรัฐ Bahia เป็นเมืองชาวประมงซึ่งเงียบสงบเหมาะกับเป็นที่พักตากอากาศอยู่ติดมหาสมุทร แอตแลนติก ตั้งอยู่ในโซนอากาศร้อนชื้น รีสอร์ทแห่งนี้ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษในลักษณะเป็นวิลล่า 14 หลัง มีนักเตะ 23 คนและทีมงานที่ประกอบไปด้วยผู้จัดการทีมและทีมผู้ฝึกสอน ผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส (นักวิทยาศาสตร์การกีฬา) ทีมแพทย์ ทีมนักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยาการกีฬา ทีมผู้จัดการเสื้อผ้าและอุปกรณ์ ทีมงานการจัดการ ทีมงานวิเคราะห์เกมการแข่งขัน เชฟ ทีมประสานงานสื่อมวลชน คนขับรถและการ์ดรักษาความปลอดภัย พักรวม 62 คน
มีพื้นที่ส่วนกลาง ชายหาดที่สวยงาม กีฬาทางน้ำ ส่วนทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อส่งเสริมทีมสปิริต ห้องประชุม ส่วนรับประทานอาหาร สระว่ายน้ำและเลาจน์ของนักเตะและทีมงานแบบเปิดโล่ง เพื่อประโยชน์ในการปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพอากาศของนักกีฬา (Acclimatization) ซึ่งจะต้องแข่งขัน 3 เกมแรกที่เมือง Salvador เมือง Fortaleza และเมือง Recife ตามลำดับ คำนวณระยะเวลาในการเดินทางไปสนามต่าง ๆ ด้วยเครื่องบินไกลสุดไม่เกิน 3 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าขณะเดินทางและประโยชน์ในการพักฟื้น สภาพร่างกายของนักกีฬาให้เร็วที่สุดภายหลังแข่งเสร็จ นอกจากนี้มีการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมของทีมชาติเยอรมันขึ้นมาใช้เฉพาะงานนี้ ประกอบด้วยสนามฝึกซ้อมขนาดมาตรฐานโดยใช้หญ้าเหมือนสนามแข่งขันจริง มีสนามฝึกซ้อมผู้รักษาประตูโดยเฉพาะซึ่งอันเดรียส ค็อปเค่ โค้ชผู้รักษาประตูขอเพิ่มพิเศษเพื่อสามารถแยกผู้รักษาประตูมาฝึกซ้อมต่างหาก ตามโปรแกรมในบางวันได้ มีฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ครบครัน อุปกรณ์เพื่อการฟื้นสภาพร่างกายนักกีฬา ถังน้ำแข็ง (Ice Bath) รวมถึงจักรยานเสือภูเขา โดยขนมาจากทั้งเยอรมันและสหรัฐอเมริกาทางเรือล่วงหน้า และมีศูนย์สื่อมวลชนขนาดใหญ่อุปกรณ์ครบครันสำหรับการแถลงข่าวและรองรับนัก ข่าวหลายร้อยคนห่างจากแคมป์รีสอร์ทที่พักประมาณ 1.5 กม. ซึ่งเดินทางได้โดยรถยนต์หรือจะเดินเท้าเลียบชายหาดจากรีสอร์ทไปก็ได้ภายใน 10 นาที

2. ก่อนการแข่งขัน 1 เดือน มีการประชุมระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างทีมงานผู้ฝึกสอน ทีมงานผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส และทีมแพทย์เพื่อวางแผนการฝึกซ้อมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทัวร์นาเม้นท์ เมื่อไหร่ที่จะต้องฝึกซ้อมอะไร? ความหนักของการฝึกซ้อมในแต่ละช่วง? วัตถุประสงค์ของการฝึกซ้อมแบบนี้เพื่อ? รูปแบบการอบอุ่นร่างกายที่เหมาะสม? โปรแกรมการฝึกซ้อมของทีม? กลุ่มนักเตะในแต่ละตำแหน่ง? และโปรแกรมเฉพาะของนักเตะแต่ละคน? รวมถึงกลุ่มนักเตะที่เพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บ? ปริมาณและความหนักของการฝึกซ้อมในแต่ละวันจะถูกกำหนดเป็นรหัสสี 3 สี แดงแทนการฝึกซ้อมหนัก เหลืองแทนการฝึกซ้อมปานกลาง และเขียวแทนการฝึกซ้อมเบา ซึ่งตัวแปรทางด้านสรีรวิทยาของนักเตะไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ระยะทางการเคลื่อนที่ทั้งหมด อัตราเร่ง อัตราการเต้นของหัวใจ และพลังของนักเตะแต่ละคนจะถูกติดตามและบันทึกข้อมูลด้วย The Adidas miCoach Elite Team System เพื่อวิเคราะห์การใช้พลังงาน การตอบสนองทางด้านเมตาบอลิกของนักเตะแต่ละคนเพื่อวางแผนการฝึกซ้อมที่เหมาะ สมต่อไป
นอกจากนี้ทีมชาติเยอรมันใช้ซอฟท์แวร์ SAP Match Insights ซึ่งทำงานในลักษณะการรวบรวมข้อมูลทุกด้านไม่ว่าจะเป็นระดับความฟิตของนักเตะ แต่ละคน การเก็บข้อมูลเชิงเทคนิค แทคติกเพื่อการตัดสินใจเลือกใช้แทคติกที่เหมาะสมในแต่ละเกมของกลุ่มผู้ฝึก สอน การเตรียมการฝึกซ้อมในแต่ละวันจะถูกอภิปราย การแบ่งช่วงเวลาการฝึกซ้อม (Training Periodization) ของทีมชาติเยอรมันจะแบ่งเป็น 3 cycle คือ Marcrocycle Mesocycle และ Microcycle รวมถึงความใส่ใจในแต่ละ Session และ Unit ของการฝึกซ้อม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้นักเตะมีสมรรถนะและความฟิตในระดับสูงสุดตลอด ทุกช่วงเวลาในแต่ละเกมแม้จะเกินกว่า 90 นาทีในเวลาปกติ เพื่อให้เลิฟสั่งการแทคติกการเล่นได้ในทุกรูปแบบและทุกช่วงเวลา ทั้งนี้ โยอาคิม เลิฟ หัวหน้าผู้ฝึกสอนเรียกนักเตะชุดแรกจำนวน 30 คน เข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมเตรียมตัวก่อนฟุตบอลโลกที่ South Tyrol ประเทศอิตาลี พักรีสอร์ท 5 ดาวชื่อ ANDREUS เป็นเวลา 10 วัน (21-31/5/2014) ก่อนส่งรายชื่อผู้เล่น 23 คนให้กับ FIFA และเดินทางไปบราซิลในวันที่ 7/6/2014 ก่อนการแข่งขันเกมแรก 8 วัน ซึ่งมีเรื่องที่น่าเสียดายคือมีนักเตะดาวรุ่งหลายรายประสบปัญหาการบาดเจ็บ ต้องถอนตัวไปไม่ว่าจะเป็น มาร์โค รอยส์ นักเตะยอดเยี่ยมศึกบุนเดสลีกาฤดูกาลล่าสุด (ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าเจ๋งกว่าเนย์มาร์) อินคาย กุนโดกัน สองพี่น้องตระกูลเบนเดอร์ รวมถึงมาเซล ชเมลเซอร์

3. เมื่อเดินทางถึงบราซิล ก่อนเกมการแข่งขันเกมแรกกับโปรตุเกส 3 วัน มีการฝึกซ้อมจำลองสถานการณ์การแข่งขันจริงเป็นเวลา 90 นาที ตอน 13:00 น. ซึ่งแดดเปรี้ยง อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์สูงมาก เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับทีมจากยุโรป มีการเปิดเผยข้อมูลโดยอายุรแพทย์ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านวิทยา ศาสตร์การกีฬาประจำทีม Prof. Dr. Tim Meyer เกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทีมให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องโภชนาการทางการกีฬามาก ทั้งเรื่องการรับประทานอาหารก่อนการแข่งขัน ระหว่างแข่งขัน หลังแข่งขัน ซึ่งได้เชฟชื่อดังชาวเยอรมันเจ้าของภัตราคารหรูในมิวนิค Holger Stromberg มาร่วมงานกับทีมตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ผู้ซึ่งเป็นคนกำหนดเมนูอาหารในแต่ละวันตลอด 55 วันทั้งทัวร์นาเม้นท์ รวมถึงการได้รับน้ำและเครื่องดื่มทางการกีฬา (Sport Drink) เพื่อป้องกันสภาวะการขาดน้ำ (Dehydration) และชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป รวมถึงการใช้ครีมกันแดดเนื้อครีมคุณภาพสูง ค่า SPF 30 ช่วยป้องกันความร้อน รังสี UV และยินยอมให้ร่างกายของนักเตะมีการระบายความร้อนผ่านเหงื่อทางรูขุมขนโดยที่ เนื้อครีมไม่เป็นอุปสรรค ก่อนไปทำการแข่งขันแต่ละเกมทีมจะเดินทางไปที่เมืองนั้น ๆ ก่อนเกม 2 วัน เพื่อให้นักเตะมีเวลาสำหรับการปรับสภาพร่างกาย การฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่สนามแข่งขันจริงและแถลงข่าวตามกำหนดของ FIFA และรับประทานอาหารตามเวลาแข่งขันจริง เช่น เกมที่ต้องแข่งขันเวลาบ่ายโมงตามเวลาท้องถิ่น อาหารมื้อหลัก เช้า-กลางวัน จะรับประทานควบกันตอน 9-10 โมง 3 ชม. ก่อนการแข่งขันตามหลักการทางทฤษฏีโภชนาการทางการกีฬา นอกจากนี้ในวันที่ทำการแข่งขันเวลา 13:00 น. หากสังเกตุช่วงที่ FIFA ตัดภาพการถ่ายทอดสดก่อนเกมการแข่งขันให้ชม จะพบว่าทีมงานเยอรมันจะเตรียมถังน้ำเย็นให้นักเตะแต่ละคนในห้องเปลี่ยน เครื่องแต่งกายเพื่อใช้แช่เท้าและขาส่วนล่างในระหว่างช่วงพักครึ่งเวลาการ แข่งขัน เพื่อการฟื้นสภาพของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว คืนความสดชื่นและพร้อมสำหรับการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง (Halftime Cooling)

4. ทีมชาติเยอรมันมีทีมงานชุดใหญ่มืออาชีพ มีทีมงานสอดแนมข้อมูล (Scouting Team) ซึ่งทำงานกับเดเอฟเบมากว่า 10 ปี ไปดูเกมการแข่งขันของคู่แข่งขัน ทำวิดีโอวิเคราะห์จุดดีจุดด้อย และยังมีทีมงานพิเศษมาจากเหล่าโค้ชเยาวชนทีมชาติชุดต่าง ๆ ไปสังเกตการณ์เกมการแข่งขันเอาข้อมูลทีมคู่แข่งที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับ ทีมงานสอดแนม นอกจากนี้เดเอฟเบได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติเยอรมันที่เมืองโค โลญน์ (Deutsche Sporthochschule Köln, DSHS) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำโครงการให้นักศึกษาอาสาสมัครทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของทีมคู่แข่งขันทุกทีม ย้อนหลังไป 3 ปี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมที่คาดว่าจะเจอกับเยอรมันจะถูกศึกษาโดยละเอียดเป็น พิเศษทั้งข้อมูลด้านเทคนิคเฉพาะบุคคล แทคติกทีมเพื่อส่งข้อมูลให้กับทีมชาติอีกทางหนึ่ง ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของการทำงานด้านนี้คือ เมื่อฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายในการดวลจุดโทษระหว่างทีมเจ้าภาพเยอรมันกับอาเจนติน่า โดยเยอรมันชนะไป 4-2 ประตู มีการเปิดเผยภายหลังว่า อันเดรียส ค็อปเค่ โค้ชผู้รักษาประตูได้ส่งกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ให้กับเยนท์ เลย์มัน ผู้รักษาประตูในเกมนั้นเพื่อบอกมุมที่นักเตะอาเจนติน่าแต่ละคนมักจะชอบยิง และเมื่อย้อนไปดูในคลิบวิดิโอเก่าก็พบว่า เลย์มันล้มตัวพุ่งรับบอลถูกทางทุกลูกและเซฟไป 2 ลูก พาทีมเข้ารอบรอง ฯ ก่อนแพ้อิตาลีไปในการแข่งขันคราวนั้น

5. โยอาคิม เลิฟ ได้บทเรียนจากประสบการณ์ฟุตบอลโลกและยูโร ว่าบอลที่เล่นสวยงาม มีเสน่ห์ อาจไม่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ ดังนั้นกองหลังต้องแพ็กแน่น ช่วง 4 เกมแรก ใช้ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางยืนในแนวรับทั้งหมด ไม่เน้นการเจาะด้านริมเส้น ไม่จำเป็นจะไม่ดันขึ้นสูงโดยเฉพาะกองหลังคู่กลาง ให้ความสำคัญกับการเล่นในลักษณะเกมคอมแพ็คคือกระชับพื้นที่ระหว่างแดนหลัง แดนกลางและแดนหน้าในขณะที่ทีมเป็นฝ่ายรับ และแทคติกกลุ่มในเกมรุกสำคัญมาก จะเห็นผู้เล่นเป็นกลุ่มขนาด 4-5 คนเสมอที่อยู่รายล้อมลูกบอลขณะทีมเล่นเกมรุก เป็นลักษณะการเล่นเกมด้วยการเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก

6. ลูกสแตนดาร์ดตามที่เยอรมันเรียกหรือลูกตั้งเตะ/เตะมุมนั้น เมื่อก่อนตอนเลิฟคุมทีมใหม่ ๆ เยอรมันไม่ได้เน้นมากนัก แต่คราวนี้มีการซ้อมลูกสูตรต่าง ๆ เป็นพิเศษ ผลที่ตามมาคือได้ประตูจากลูกตั้งเตะดังกล่าวไป 3 ประตู ตั้งแต่นัดแรกที่เจอโปรตุเกสโดยฮุมเมิ่ลส์จากการเตะมุม เกมรอบ 8 ทีมก็เป็นฮุมเมิ่ลส์ที่โขกประตูชัยเอาชนะฝรั่งเศศอีก และประตู 1-0 ของมุลเลอร์ในนัดเจอบราซิล ที่มาจากการเตะมุม แม้ว่าจะมีลูกสูตรฮา ๆ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเกมกับแอลจีเรียให้แฟนบอลได้งงและตลกคลายเครียดจากเกมบ้าง

7. ไม่เสี่ยงในการใช้ผู้เล่นที่ไม่ฟิต เห็นได้จากเกมช่วงแรก ๆ ไม่ได้ใช้บริการของชไวน์สไตเกอร์และเคดิร่านักเพราะทั้งคู่เพิ่งฟื้นตัวจาก การบาดเจ็บช่วงท้ายฤดูกาลแข่งขันจากสโมสรมา จนตอนหลังมั่นใจว่าทั้งคู่ฟิตเต็มที่แล้วจึงได้ลงเป็นตัวจริงร่วมกัน จึงเป็นสาเหตุให้กัปตันทีม ฟิลิปป์ ลาห์มต้องเล่นในตำแหน่งกองกลางช่วง 3-4 เกมแรก

8. เวลามีนักเตะเริ่มมีอาการเจ็บจะรีบให้พักทันทีไม่เสี่ยงไม่ฝืนเพื่อจะได้ไม่ เจ็บมากและนักเตะสามารถทดแทนกันได้ทุกตำแหน่งทั้งทีม เช่น ฮุมเมิ่ลส์เจ็บเข่าเล็กน้อยตอนอบอุ่นร่างกายก่อนเกมเจอบราซิล ลงเล่นไปแล้วเจ็บมากขึ้น พักครึ่งเวลาเจ้าตัวขอเปลี่ยนออกมาทันที นัดชิงเคดิร่าเจ็บน่องตอนอบอุ่นร่างกายก่อนลงสนาม เปลี่ยนเอาคริสตอฟห์ คราเมอร์ลงแทนทันที ต้องขอบคุณทีมแพทย์ซึ่งนำโดย “หมอเทวดา” Dr. Hans-Wilhelm Müller-Wohlfahrt ที่ทำให้นักเตะหายจากอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วเหลือเชื่อในหลาย ๆ ครั้ง

9. กลุ่มผู้เล่นจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิค การมีผู้เล่นจากสโมสรเดียวกันเป็นแกนหลักเยอะทำให้ปรัชญาเกมลูกหนังของ เยอรมันในการรักษาสมดุลการครอบครองบอลและปรับเกมรับ/รุกเร็วเป็นไปได้ดี แต่ละนัดมีผู้เล่นของบาเยิร์นเป็นตัวหลักตัวจริงราวครึ่งทีมตลอด ทำให้นำปรัชญาลูกหนังและแทคติกของเลิฟไปสู่การปฏิบัติได้เป็นอย่างดี

10. ทีมสปิริตที่เยอรมันเรียก Teamgeist ซึ่งถือเป็นความสามารถและคุณลักษณะประจำตัวของชนชาติเยอรมันในการแข่งขันแบบ ทัวร์นาเมนต์เสมอมา ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่งอแงยามเป็นตัวสำรอง เช่น ชไวน์สไตเกอร์ในช่วงแรก แมร์เตซัคเคอร์ช่วงต่อมา หรือแม้แต่โพดอลสกี้ที่ได้ลงเล่นมากนัก เป็นต้น รวมถึงการให้เกียรติและความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างการทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ของทีมงานทุกคน คุณสามารถทราบชื่อคนขับรถบัสทีมชาติจากเวบไซด์ของทีมได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก

11. ระเบียบวินัยในแทคติกระหว่างเกมที่มีสูงมาก ๆ และการทำให้ประสิทธิภาพในการยิงประตูดีขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนเป็นข้อด้อยของเยอรมันโดยเฉพาะเมื่อเจอคู่แข่งทีมใหญ่ ๆ

โยอาคิม เลิฟกล่าวหลังเกมนัดชิงบอลโลกว่า รางวัลนี้เป็นผลตอบแทนสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน กว่า 10 ปีต่อความทุ่มเทในการวางรากฐานการพัฒนาฟุตบอลทั้งระบบใหม่ทั้งหมดเริ่ม ตั้งแต่หลังหายนะในฟุตบอลยูโรปี ค.ศ. 2004 สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันกับทางสหพันธ์ฟุตบอลลีก ลงทุนให้แต่ละสโมสรฟุตบอลมีศูนย์พัฒนานักเตะระดับเยาวชนเพื่อความเป็นเลิศ ให้การศึกษาและการฝึกซ้อมที่ดีเยี่ยม ประกอบกับทีมชาติได้รับประโยชน์จากการยกระดับของทีมในศึกบุนเดสลีกาที่เป็น คู่ชิงในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก 2013 ระหว่างบาเยิร์น มิวนิคและโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้นักเตะมีประสบการณ์มากขึ้น และเช่นเดียวกันกับอิทธิพลของศึกบุนเดสลีกาที่เปิดโอกาสให้ดาวรุ่งมากมาย ทำให้เยอรมันมีทีมพลังหนุ่มที่ยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วเมื่อปี ค.ศ. 2010 ที่แอฟริกาใต้
นักเตะทีมชาติเยอรมันหลังศึกฟุตบอลยูโร 2004 ซึ่งตอนนั้นเลิฟเป็นผู้ช่วยให้ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ได้ปฏิวัติ สร้างทีมกันด้วยระบบใหม่ รูปแบบการเล่นใหม่ ๆ มีการว่าจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลฟิตเนสจากสหรัฐอเมริกามาดูแลทีม โดยเฉพาะ รวมถึงการบริหารจัดการทีมที่ดีขึ้น ใส่ใจในรายละเอียดทุก ๆ องค์ประกอบ นักเตะอย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ฟิลิปป์ ลาห์ม ลูคัส โพดอลสกี้ แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นกลุ่มนักเตะที่หลงเหลือจากปี ค.ศ. 2006 ผู้คนทั้งเยอรมันอกหักผิดหวังที่ต้องตกรอบตัดเชือกเพราะแพ้อิตาลี ทว่าสิ่งที่ทุกคนเชื่อมั่นว่าสักวันต้องเป็นวันของพวกเขาก็มาจากคำสามคำ “ต้องกล้า ต้องอดทน ต้องจริงจัง” หลังปี ค.ศ. 2007 ทีมชาติเยอรมันตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีเป็นต้นมา จะไปแข่งทัวร์นาเมนต์ใดโดยเฉพาะในทวีปยุโรปก็ล้วนกวาดแชมป์มาได้เกือบทั้ง หมด นักเตะเยาวชนถูกสร้างเป็นบล็อกออกมาด้วยระบบและมาตรฐานเดียวกันเพื่อยามส่ง ต่อให้ชุดรุ่นต่อไปจะได้ง่ายต่อการพัฒนา อย่างในปี ค.ศ. 2009 ดาวรุ่งอย่าง เมซุส โอซิล ซามี่ เคดิร่า มัท ฮุมเมิ่ลส์ เบเนดิค โฮเวเดส เฌอโรม บัวเต็ง และมานูเอล นอยเออร์ คว้าแชมป์ยุโรปชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีที่สวีเดนด้วยฟอร์มสุดยอดและถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ใน ปี ค.ศ. 2010 และก้าวมาเป็นนักเตะแชมป์โลกในที่สุด

ท้ายที่สุดนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับทีมชาติเยอรมันด้วยนะครับที่ทำได้สำเร็จ กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ พวกคุณคือโมเดลของความสำเร็จที่น่าศึกษาจริง ๆ

"การพิจารณาและใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หลายจุด จะทำให้คุณก้าวไปถึงจุดสูงสุดของความสามารถของคุณ" (เกริกวิทย์. 2014)

เกริกวิทย์ พงศ์ศรี

 

อ้างอิง
http://www.dfb.de/
http://www.sporttechie.com/
http://www.dw.de/
http://www.rp-online.de/
http://www.bild.de/
http://www.fifa.com/
และข้อมูลบางส่วนจากคอลัมนิสต์ฟุตบอลเยอรมันในเมืองไทย

 

 

Go to top