ช่วง 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมให้ อธิชา สุขจิตสำราญ ไปติดตามคดีเล็กๆคดีหนึ่ง ที่น่าสนใจอย่างมาก ... “คดีแพะ”

 

kamon20160824 001

“แพะ” คำๆนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังคงอยู่กับกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยมาจนถึงยุคที่เทคโนโลยีการสืบสวนสอบสวนก้าวหน้าไปมาก เรามีกองพิสูจน์หลักฐาน มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีตำรวจสายสืบฝีมือดีมากมายอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ...

ไม่ว่า คดีใหญ่ คดียาก ฆาตกรรมอำพรางหลอกโอนหุ้น ฆ่าหั่นศพทำลายหลักฐานจนแทบไม่หลงเหลือ หรือระเบิดแบบใหม่ใช้นักเคมีผสมสารก่อระเบิด “ตำรวจไทย” ก็โชว์ศักยภาพตามจับมาได้หมด อาจจะมีปัญหาก็เพียง “คดีคนหาย” ที่ยากจะตามเจอ เพราะคนร้ายมักเป็นนักฆ่ามืออาชีพ

แต่คดีที่ผมพูดถึง เป็นเพียง “คดีปล้นชิงทรัพย์” เท่านั้น มีวัตถุพยาน ผู้ที่ถูกปล้นยังมีชีวิตอยู่ คนร้ายก็ไม่หายไปไหน .... แต่คนที่ถูกจับเข้าคุก .... กลายเป็น “ผู้บริสุทธิ์”

ถ้าผมเล่าเรื่องนี้ในบรรทัดต่อไป ไม่แน่ว่า อาจมีคนคิดว่าผมแต่งเรื่องขึ้นมาเอง หรืออาจคิดว่า เป็นพล็อตหนังใหม่ของคริสโตเฟอร์ โนแลน

ตัดฉากเข้าไปในเรือนจำ

ปี 2556 กมล แพเขียว ถูกส่งตัวเข้ามาในเรือนจำ ด้วยข้อหาปล้นรถกระบะที่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ชีวิตของเขาเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้วด้วยวัยเพียง 40 กว่าปี เขาสู้คดีมา 3 ศาล ชนะคดีในศาลชั้นต้น ก่อนจะแพ้ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี 12 เดือน

ชีวิตในเรือนจำไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำนัก แต่ท่ามกลางความโชคร้าย เขาได้พบเพื่อนนักโทษ 2 คน ที่ยากจะบอกว่า เป็นเทวดาหรือซาตานกันแน่... เพราะคดีที่ 2 คนนี้ เคยก่อไว้ คือ ต้นเหตุที่ทำให้ "กมล" ติดคุก ... แต่สิ่งที่ 2 คนนี้ กำลังจะทำ คือ คำสารภาพของคนร้ายตัวจริง ที่อาจช่วย "กมล" ออกจากคุก ในฐานะ "ผู้บริสุทธิ์"

บทสนทนาในเรือนจำของนักโทษ ย่อมมีส่วนที่พูดถึง “สาเหตุ” ที่พวกเขาถูกตัดขาดจากคำว่า อิสรภาพ

กมล แพเขียว ก็เช่นกัน เขาเล่าถึงต้นเหตุที่ถูกส่งมาอยูเรือนจำ ยืนยันความบริสุทธิ์ และบอกเพื่อนนักโทษถึงคดีที่ทำให้เขาถูกกล่าวหา “คดีปล้นรถกระบะ” ที่ อ.ศรีประจันต์

 

kamon20160824 002 

จุดไต้ตำตอ !!!!

ไม่น่าเชื่อ เรื่องราวของคดีที่ กมล แพเขียว ถูกจับ ไปสะกิดโดนใจนักโทษ 2 คน ที่ฟังเรื่องนี้อยู่ทันที เรื่องทั้งหมดที่กมลเล่า ไปตรงกับสิ่งที่ 2 นักโทษจำได้แม่นยำ ... จำได้

เพราะการปล้นรถครั้งนั้น ... มีคนร้าย 5 คน และ 2 ใน 5 คน ที่เป็นคนร้ายตัวจริง นั่งอยู่ตรงนั้น

สองนักโทษ ที่ก่อเหตุครั้งนั้น ถูกจับเข้ามาจากคดีอื่นที่ร้ายแรงกว่านี้ ... และแน่นอน พวกเขายืนยันได้ว่า กมล แพเขียว ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ

ด้วยความสงสาร ที่ต้องเห็น “กมล” มารับโทษในสิ่งที่นักโทษทั้งสองรู้แก่ใจว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร “จดหมายรับสารภาพ” จาก 2 นักโทษ ว่าคดีปล้นรถกระบะ ที่ส่ง “กมล แพเขียว” เข้าคุก เป็นฝีมือของพวกเขาเอง จึงถูกส่งออกมาจากเรือนจำ ไปที่กระทรวงยุติธรรม คดีนี้จึงถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง

การเสาะหาพยานหลักฐานใหม่โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเริ่มต้นขึ้น มีพยานหลายคน ยืนยันที่อยู่ของ กมล ในวันเกิดเหตุว่ายังคงทำงานเป็นภารโรงอยู่ที่โรงเรียนหันคาพิทยาลัย จ.ชัยนาท

ผู้เสียหายที่ถูกปล้นรถ มี 4 คน ... 3 ใน 4 คน ระบุว่า ไม่เห็น “กมล” ในที่เกิดเหตุวันนั้น ส่วนเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เป็นคนชี้ตัวเมื่อปี 2549 วันนี้เติบใหญ่ และบอกว่า เธอชี้ตัว “กมล” ตามคำแนะนำของตำรวจ ... กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกปล้น ก็พยายามช่วยเหลือ กมล อย่างเต็มที่


2549 – 2556 เป็นเวลา 7 ปี ที่ “กมล แพเขียว” ต่อสู้คดี จากการโดนสุ่มจับ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง เขาต้องกู้หนี้ยืมสินจำนวนมาก ขายที่ดิน หาเงินมาเป็นค่าทนายความ และในท้ายที่สุดก็ “แพ้คดี”

ผลกระทบนี้ จึงถูกส่งต่อไปยังภรรยาด้วย ...หลังเขาเข้าคุก หนี้สินมากมาย กลายเป็นภาระของภรรยา ลูกชายของเขามาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พ่อของเขาก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต

ครอบครัวนี้ สูญเสียทุกอย่างไปทันที ชีวิต... เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว

นี่คือ สิ่งที่ “ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง” ได้รับ ... จากคำว่า “กระบวนการยุติธรรม”

 

kamon20160824 003

วันนี้ ... หลักฐานทุกอย่างชัดเจนแล้ว “กมล แพเขียว” เป็น “แพะ” ... แล้วยังไงต่อ

ข้อมูลที่เราได้รับโดยตรงจากกระทรวงยุติธรรม คือ เรื่องทั้งหมด ต้องนำมาผ่านกระบวนการ มีหลักการเช่นนี้

ต้องพบพยานหลักฐานใหม่ ที่ไม่เคยใช้ต่อสู้ ในทั้ง 3 ศาล
ส่งให้อัยการ พิจารณาส่งศาล
ศาลพิจารณาคำร้องว่าเข้าหลักเกณฑ์ คือ มีพยานหลักฐานใหม่จริง
ระหว่างรอศาลพิจารณา ยังต้องถูกจองจำต่อไป จะได้รับประกันตัวมาสู้คดีเมื่อศาลรับคำร้อง
การสู้คดี มีเงินช่วยเหลือ จากกองทุนยุติธรรม
ส่วนกรณี “กมล แพเขียว” ซึ่ง “อัยการ” เป็นโจทก์ร่วม ... ญาติ สามารถยื่นคำร้องพร้อมพยานหลักฐานใหม่ ไปที่ศษลโดยตรงได้เลย


ไม่ว่าเส้นทางไหน ... แม้ว่าคนร้ายตัวจริงจะรับสารภาพ ... แม้จะมีพยานยืนยันที่อยู่ในวันเกิดเหตุหนักแน่น ... แม้ผู้เสียหายจากการปล้นจะร่วมช่วยเหลือ “กมล แพเขียว”

ความจริงก็คือ ... แม้ทุกคนจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ไปแล้ว ... แต่ “กมล แพเขียว” ยังต้องถูกจองจำต่อไปตามกระบวนการ

กระบวนการ ที่เห็นได้ชัดว่า เป็นกระบวนการที่ช่วยยืนยันว่า “ศาล” ตัดสินถูกต้อง เพราะจะรับพิจารณาใหม่ ต่อเมื่อ มีพยานหลักฐานใหม่ ที่ศาลไม่เคยเห็นเท่านั้น


เขียนมาถึงตรงนี้ ... พบว่า “เข้าไปติดคุก ง่าย ..... เอาออกมา ยาก”

ผมยังเต็มไปดวยข้อสงสัยมากมาย “จับแพะ” ทำไม ??

ทำลายชีวิตเขาทำไม ??

จับคนร้ายตัวจริงไม่ได้ ต้องไปจับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาหรือ ??

คดีโคตรยากจับได้หมด แค่คดีปล้นรถ ทำไมต้องจับแพะ ??

 

ขอขอบคุณบทความจาก : http://www.pptvthailand.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/33264

Go to top