d   จะว่าไปวงการดนตรีในบ้านเราช่วงนี้เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง...อ่า...ผม หมายถึงวงการของเพลงนอกกระแสและกลุ่มใต้ดินนะครับ ดนตรีจากค่ายใหญ่ ๆ เนี่ยเขามีเวลาโปรโมทเต็มที่ของพวกเขาอยู่แล้ว ที่ผมว่าคึกคักนั้นเป็นเพราะว่าค่ายเล็ก ๆ หลายค่ายเริ่มเปิดตัวกันมากมาย แต่ละค่ายก็มีแนวทางแตกต่างหลากหลายของตนเอง เปิดโอกาสให้แนวดนตรีที่ไม่ค่อยแพร่หลายในบ้านเราอย่าง Hardcore Punk , Heavy Metal , Post-Rock/Experimental ฯลฯ ได้มีพื้นที่แสดงออกทางฝีมือกัน

  และค่ายหนึ่งที่น่าสนใจมากที่คือค่าย SO : ON Dry Flower ซึ่งมีแนวทางที่เน้นไปในดนตรีแนวทดลอง (Experimental) และ อิเล็กโทรนิค ซึ่งให้กำเนิดวงดีๆอย่าง Goose มาแล้ว  ซึ่งนอกจากนี้ยังมีศิลปินอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกหลายวง แต่ในคราวนี้ผมขอพูดถึคณะชื่อแปลกกับดนตรีแหวกแนวอย่าง Desktop Error ก่อนดีกว่า

  คณะ Desktop Error ประกอบด้วย ตุ้ย-ชาญณรงค์ แจ่มขาว (เบส) , เบิร์ด-อดิศักดิ์ พวงอก (กีต้าร์/คีย์บอร์ด) , เล็ก-สมโภช กองไพบูลย์ (ร้องนำ) , เม้ง-ภัทรพล ทองสุขา (กลอง) และ อ๊อฟ-วุฒิพง ลี้ตระกูล (กีต้าร์) แนวดนตรีของพวกเขานั้นเรียกว่าเป็นแนว Shoegazer ซึ่งแปลชื่อแนวอย่างตรงตัวว่า "ผู้ก้มมองรองเท้า" แต่บางครั้งผมก็นึกถึงความเป็น Radiohead บ้างในบางท่อนของบางเพลงพวกเขา

    ต้นกำเนิดของชื่อแนว Shoegazer (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Shoegaze) นี้ ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากความหมายของมันนัก ในอังกฤษช่วงยุคอัลเตอร์เนทีฟเฟื่องฟู มีวงวัยรุ่นวงหนึ่งที่เพิ่งได้ขึ้นแสดงดนตรีครั้งแรก ๆและเนื่องจากความขี้อายของพวกเขาทำให้พากันก้มหน้าเล่นอยู่ตลอดเวลา จึงได้มีคนเรียกกันว่า Shoegazers หรือ "ผู้ก้มมองรองเท้า" เป็นที่มาของชื่อแนวนี้ในเวลาต่อมานั่นเอง

อ้อ ! แต่ก็ไม่เชิงว่าแนวดนตรีนี้มันจะเกี่ยวกับการก้มมองเท้าตัวเองอยู่อย่างเดียวนะครับ พูดถึงแนวดนตรีมันก็ต้องสำคัญที่ "เสียง"  คุณสมบัติหลัก ๆ ของ Shoegaze คืออารมณ์ของการตกอยู่ในภวังค์คุณสมบัติต่อ ๆ มาที่สังเกตได้ (ด้วยหู) คือเสียงกีต้าร์แตก ๆ ริฟฟ์ซ้ำ ๆ เนิบ ๆ การเล่นดูล่องลอยไร้จุดหมาย แต่ให้ความรู้สึกของการเข้าสู่ห้วง "ภวังค์" ได้เป็นอย่างดี

  เนื้อร้องของดนตรีแนวนี้อาจฟังดูไม่ค่อยสำคัญนัก เพราะเสียงนักร้องโดยส่วนใหญ่จะถูกกลบโดยม่านเสียงของกีต้าร์แตก ๆ ไป แต่ว่า... อัลบั้ม Instinct ที่ออกมานี้ยังเป็นแค่ EP (หรือ Extented Play เปรียบเสมือนอัลบั้มเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เพลง-สองเพลงแบบ Singles และก็ไม่ได้ยาวเท่าอัลบั้มปกติที่เรียกว่า LP) เหมือนจะชิมลาง ดูปฏิกิริยาผู้ฟังไปในตัว ถึงแม้จะเป็นแค่ EP แต่สำหรับ 6 เพลงที่ยาวรวมกัน 30 กว่านาทีของอัลบั้ม Instinct นี้ฟังแล้วเต็มอิ่มดีเหลือเกิน… ซาวน์ อันเคลิบเคลิ้มล่องลอยปะปนไปกับความหม่นไหม้ ไลน์กีต้าร์แตกยาว ๆ เหมือนเศษหนามกระจัดกระจายไปทั่วเมืองใหญ่ คนขี้อายเดินก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร ทั้งยังต้องมองเท้าตัวเองทุกย่างก้าว คอยระแวงเศษหนามจากพิษภัยต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากการหมักหมมของการกดขี่ แบ่งแยก ซากจากวาทกรรมน้ำเน่าของผู้มีอำนาจส่งกลิ่นเหม็นอบอวลชวนคลื่นเหียน อาทิตย์ส่องประกายสีส้มอมทอง มองไม่เห็นว่ามาจากทิศไหนเพราะตึกสูงบดบังเป็นเงาทอดยาว สงสัยว่านี่เป็นอาทิตย์ยามอัสดงที่ชวนให้เหงาเศร้า หรือคือแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณชวนให้ต่อสู้อย่างมีความหวังกันแน่                                                

        บรรทัดข้างบนเหล่านั้น เป็นจินตนาการส่วนตัวของผู้เขียนหลังจากที่ได้ฟังอัลบั้ม นี้จบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากจินตนาการนั้นเซนเซอร์ไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องสมานฉันท์ เพราะจินตนาการนั้นเป็นของใครของมัน ไม่ใช่อะไรที่จะเหมือนกัน หรือคิดตรงกัน คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ !- เอ่อ...คราวนี้ผมกะว่าจะไม่การเมืองแล้วเชียว เผลอตัวไปอีกจนได้

EP นี้เปิดตัวด้วยเพลง Instinct ที่ แปลว่า "สัญชาตญาณ" ซึ่งดนตรีฟังดูสมกับชื่อเพลงดี ในส่วนของเมโลดี้ฟังดูเหมือนแรงขับดันของอะไรบางอย่าง เสียงคีย์บอร์ดช่วงแรก ๆ ขับเน้นให้เพลงฟังดูฮึกเหิมยิ่งใหญ่เจือกลิ่นอวกาศนิด ๆ มาจนถึงช่วงท้าย ๆ ที่เปลี่ยนเริ่มจังหวะและกรุยทางด้วยเสียงกีต้าร์ ทำได้เหมาะกับการเป็นอินโทรมาก ฟังดูครับ

{youtubejw width="300" height="220"}JnzH8ippI0s{/youtubejw}

 

ตามมาด้วยเพลง "ส่วนลึก" เพลงสั้น ๆ ซึ่งฟังดูเผิน ๆ นึกว่าจะเป็นเพลงเบา ๆ คั่นรายการ เพราะมีอินโทรเวิ้ง ๆ แบบ Ambient อยู่ กว่าจะรู้ว่าเข้าใจผิด พวกเขาก็พากันกระแทกกระทั้นกันหนักหน่วงขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเพลง ปนกับเนื้อร้องสั้น ๆ แต่กินความหมายมาก ร้องซ้ำ ๆ ว่า "กฏเกณฑ์...ที่สร้างเอง" จริง... ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์อะไรใด ๆ ก็ตาม ยอมรับเถิดว่า มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างกันขึ้นมาทั้งนั้น (ดี-ไม่ดีก็อีกเรื่อง)

{youtubejw width="300" height="220"}c47qPrYvKgc{/youtubejw}

 

เพลงต่อมา ผมชอบมาก ชื่อเพลง "ท้องฟ้าจำลอง" ขึ้นต้นด้วยริฟฟ์อินโทรมันส์ ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะกลับมานุ่มนวลเวิ้งว้าง ผมชอบท่อนนุ่ม ๆ ที่ให้บรรยากาศแบบอวกาศมาก ฟังแล้วก็ชวนให้ล่องลอยไปกับเสียงร้อง ตัวเนื้อเพลงดูจะเหมือนเป็นความคิดที่ไม่ปะติดปะต่อกัน (เป็นหน้าที่ของผู้ฟังที่จะปะติดปะต่อเอง) ซึ่ง เป็นธรรมดาของแนวนี้ กระนั้นเองตามการจับความของผมเองแล้ว เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือเรื่องของ "การเรียนรู้" ไม่ว่าจากในห้องเรียน จากการอบรม จากสื่อแขนงไหนก็ตามแต่...

 

"อย่าแต่งเติม...ความต่าง แล้ว...หันมอง มันสมอง จุดศูนย์กลางจักรวาล หมื่นแสนล้าน ความคิด ล่องลอยไป ใน จินตนาการ บอกเรื่องราว ขีดเขียน กับสำเนียง ร่ำเรียน เพียง ... "

 

เพลงนี้ถึงจะเปลี่ยน tempo กะทันหันในช่วงแรก แต่ก็เข้าใจใช้การไล่ระดับเสียงเวลาจะเน้นย้ำอารมณ์ รวมถึงการปล่อย Outro ยาว ๆ ราวให้เราได้หยุดคิดคำนึง

 

ว่าสิ่งที่เราร่ำเรียนกันมานั้น มันควรจะเป็นสิ่งที่ยึดถือยึดมั่น หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่...

 

"…เกิดเป็นเสียงที่ผ่านเข้ามา
เกิดเป็นแสงที่ผ่านเข้ามา
เกิดเป็นภาพครอบงำสายตา"
ท้องฟ้าจำลอง

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเพลงนี้ ละเลยที่จะพูดถึงไม่ได้เลยคือกลิ่น Pink Floyd ที่จะสัมผัสได้หาก ลองตั้งใจฟังดูดี

 

{youtube width="300" height="220"}C1e5_HzgYlQ{/youtube}

สำหรับเพลง "ย้อน" จะลดความหนักหน่วงลงมาหน่อย (แต่ก็อย่าลืมว่าเสียงที่แตกพร่าก็ยังอยู่นะครับ) เพลงนี้อารมณ์จะติด Ambient กลาย ๆ มีเสียงกีต้าร์ขับเน้นบรรยากาศ และเมโลดี้หวานนุ่มคลอในช่วงครึ่งหลัง เนื้อหาชวนให้ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่าง ๆ โดยใช้หัวใจให้มากขึ้น อาจจะได้ค้นพบคุณค่าที่หล่นหายรายทางบ้าง...นอกจากนี้พอฟังคลอไปกับดนตรีแล้ว เพลงนี้จัดว่าเป็นเพลงที่เรียกกำลังใจได้ดีเพลงหนึ่งเลยทีเดียว

{youtube width="300" height="220"}3xEdOMkUbcY{/youtube}

 

มาถึงเพลงเบา ๆ คั่นรายการจริง ๆ เสียที เพลง "Mind" หรือ "จิต" นี้ เคล้าคลอไปด้วยเสียงแบบอะคูสติกส์ ที่ทั้งหมองหม่นและสดใสปะปนกันไป สลับกับเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เป็นฉากหลัง ดูเหมือนคนที่ติดอยู่ในห้วงคำนึงของจิตใจตัวเอง จนเสียงพูดคุยรอบข้างเป็นแค่เสียงที่ไร้ความหมาย ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นเพลงที่สวย เรียบง่าย เจืออารมณ์เหงาบาง ๆ

{youtube width="300" height="220"}Pz578fbYRrA{/youtube}

 

เพลงสุดท้ายปิด EP. นี้คือเพลง "สมใจ" ที่เปิดตัวและเคลื่อนคล้อยไปสู่อารมณ์แบบมาตรฐานของ Shoegaze มีท่อนพักเล็ก ๆ เล่นกับความเวิ้งและอาศัยเสียง Effect ประกอบบ้าง เนื้อเพลงพูดย้ำ ๆ ถึงวังวนของการตอบสนองความต้องการของตนเองซ้ำ ๆ

 

"มันเป็นไปตามอารมณ์ที่เสพสมใจ
มันเป็นแค่
...เสพสมดังใจ"

 

- สมใจ

{youtube width="300" height="220"}1N2imfB2pVE{/youtube}

 

Instinct เป็น EP. ที่จัดได้ว่ายาว และถึงแม้จะเป็นผลงานแรก แต่ Desktop Error ก็ ดูจะตั้งใจทำเพลงกันเต็มที่ในแบบของพวกเขา เนื้อหาที่พาเข้าไปสำรวจจิตใจภายใน การเล่าแบบย้ำ ๆ ไม่ปะติดปะต่อ นอกจากจะเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมกับดนตรีแนวนี้แล้ว ยังเป็นเปิดพื้นที่ให้ผู้ฟังได้ร่วมใช้จินตนาการของแต่ละคนค้นลึกเข้าไปในเพลงด้วย

  จะมีข้อติอยู่บ้างก็ตรงที่การเปลี่ยนระดับเสียงแบบกระทันหันที่บางทียังไม่ถึง ขั้นเนี้ยบ อีกทั้งทุกเพลงในอัลบั้มนี้ดูจะมีอยู่จังหวะช้ามากถึงจังหวะปานกลาง ไม่ค่อยมีจังหวะที่เร็วกว่าพอให้เปลี่ยนอารมณ์ได้ บางครั้งจึงได้อารมณ์แบบซ้ำ ๆ ไปหน่อย (หรือนี่อาจเป็นแนวทางเฉพาะตัวของวงนี้ก็ได้ ต้องดูกันต่อไป)

สำหรับ ผู้ฟังที่เริ่มเบื่อเพลงจากอุตสาหกรรมดนตรีแนวเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงรักวัยรุ่นซ้ำซาก เพลงเพื่อชีวิตบ้านเราที่ดูจะหยุดเติบโตทางความคิดไปแล้ว ฯลฯ ลองเปิดหู เปิดใจ สนับสนุนดนตรีนอกกระแสที่มีซาวน์ดนตรีและเนื้อหาหลากหลายดู จะชอบไม่ชอบอันใดก็เป็นเรื่องของรสนิยมท่านเอง

 

Desktop Error ที่ ผมยกมาพูดถึงในคราวนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ วงที่น่าสนใจ เหล่าศิลปินผู้มีแนวทางของตัวเองทั้งหลาย จะมีโอกาสเติบโตได้มากน้อยขนาดไหนนั้น นอกจากฝีมือของพวกเขาเองแล้ว ก็อยู่ที่การสนับสนุนของผู้ฟังอย่างเรา ๆ เองด้วยแหละครับ

เนื้อเพลงเหล่านี้ผมแกะจากเพลงด้วยตนเอง อาจผิดไปจากตัวต้นฉบับบ้าง สามารถทักท้วงได้ตามสะดวกครับ รวมถึงการตีความในแต่ละเพลงก็เป็นความคิดเห็นบวกกับจินตนาการส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการ รับรู้ กลั่นกรอง และตัดสินคุณค่าด้วยตนเอง เพราะวิจารณญาณนั้นเซนเซอร์ไม่ได้และไม่จำเป็นต้องสมานฉันท์ ปรองดอง  ปัจจุบัน Desktop Error ได้คลอดอัลบั้มเต็มมาแล้ว ภายใต้ชื่อ Ticket to home แล้วจะมาวิพากษ์กันวันหลังครับ

 

 

บทความบางส่วนจาก: ประชาไท

Go to top