ดูกันให้ชินก่อนดวงอาทิตย์ตื่นตัวถี่สูงสุดในปี 2013 ล่าสุดนาซาเผยทั้งคลิปและภาพนิ่งขณะชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ปะทุเป็นสายออกมา ยืดยาวในอวกาศ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเกิดพายุสุริยะรุนแรงเมื่อ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุจากกิจกรรมสนามแม่เหล็กบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หอดูดาวอวกาศโซลาร์ไดนามิกส์ (Solar Dynamics Observatory) หรือยานอวกาศเอสดีโอ (SDO) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) รวมถึงหอดูดาวสังเกตดวงอาทิตย์อื่นๆ ได้จับภาพปรากฏการณ์ใยสุริยะ (solar filament) และการปะทุของชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ซึ่งพ่นมวลชั้นโคโรนา (coronal mass ejection) หรือซีเอ็มอี (CME) สู่อวกาศเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2012 ที่ผ่านมา
มวลชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ได้ พุ่งสู่อวกาศด้วยความเร็วมากกว่า 1,450 กิโลเมตรต่อวินาที โดยมวลเหล่านั้นคืออนุภาคมีประจุที่เมื่อปะทะโลกแล้ว จะรบกวนการทำงานของดาวเทียมและการสื่อสารวิทยุ รวมถึงทำลายระบบส่งกระแสไฟฟ้าได้ แต่นอกจากด้านร้ายๆ แล้ว ผลกระทบจากอนุภาคเหล่านั้นยังทำให้เกิดออโรรา (aurora) หรือแสงเหนือ (Northern Light) แสงใต้ (Southern Light) ที่สวยงามเมื่อปะทะสนามแม่เหล็กโลก
อย่างไรก็ดี ยังนับว่าเป็นโชคดีสำหรับโลก เพราะจากข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์นาซาแถลงสเปซด็อทคอมระบุว่า อนุภาคซีเอ็มอีไม่ได้พุ่งมายังโลกโดยตรง แต่ก็มีการเชื่อมกับสภาพแม่เหล็กของโลกหรือแมกเนโตสเฟียร์ (magnetosphere) ด้วยการแฉลบไป และเป็นสาเหตุให้เกิดแสงออโรราในคืนวันที่ 3 ก.ย. ตามเวลาซีกโลกตะวันตก
ซี อเล็กซ์ ยัง (C. Alex Young) นักฟิสิกส์สุริยะจากศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด (Goddard Space Flight Center) ของนาซากล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุขนาดของปรากฏการณ์ 3 มิติ จากภาพ 2 มิติในมุมที่เห็นนี้ แต่คาดว่าใยสุริยะน่าจะมีขนาดมากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก 30 เท่า และเมื่อใยสุริยะพุ่งสู่อวกาศแล้วก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็วได้เป็นระยะทาง หลายล้านกิโลเมตร
สำหรับภาพใยสุริยะนี้หอดูดาวเอสดีโอ ได้บันทึกไว้ด้วยความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน 4 ความยาวคลื่น สัมพันธ์กับอุณหภูมิของวัตถุสุริยะที่แตกต่างกัน และจากเปรียบเทียบภาพเหล่านี้สเปซด็อทคอมระบุว่านักวิทยาศาสตร์คาดหวังที่จะ ปรับปรุงแผนที่การเคลื่อนไหวของพลาสมาบนดวงอาทิตย์ระหว่างการปะทุให้ดีขึ้น
สเปซ ด็อทคอมระบุอีกว่า ใยสุริยะยังเป็นที่รู้จักว่าเป็นเปลวสุริยะ (prominence) ซึ่งเราเรียกว่าใยสุริยะเมื่อเห็นลักษณะการพ่นมวลที่ขวางกับพื้นผิวดวง อาทิตย์ โดยใยสุริยะเหล่านั้นจะยึดติดกับบรรยากาศชั้นล่างของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า โฟโตสเฟียร์ (photosphere) และจะขยายออกสู่บรรยากาศชั้นนอกที่เรียกว่าโคโรนา (corona)
ตาม รอบวัฏจักรสุริยะ (solar cycle) ทุกๆ 11 ปีนั้น ในปี 2013 ดวงอาทิตย์จะเกิดกิจกรรมและการปะทุถี่มากที่สุดจากนั้นจะค่อยลดจำนวนและสงบ ลงอย่างเช่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และกิจกรรมบนดวงอาทิตย์นี้ยังสอดคล้องกับจำนวน "จุดมืด" (sunspot) ซึ่งช่วงนี้กำลังเพิ่มมากขึ้นด้วย
{youtube}GrnGi-q6iWc{/youtube}
ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
นาซา/สเปซด็อทคอม
ข้อมูลที่มาจาก:
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=12-09-2012&group=217&gblog=146