redเดอะ ค็อปสุดเจ็บปวดรอคอยชัยชนะนัดแรกต่อไปหลังเล่นดีทั้งๆที่เหลือ 10 ตัวตั้งแต่ปลายครึ่งแรกแถมสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดยิงขึ้นนำแต่สุดท้ายเจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดปาดแซงบุกเอาชนะถึงแอนฟิลด์ 2-1 รั้งอันดับ 18 ต่อไปเพิ่งมีแค่ 2 แต้มจาก 5 นัดเท่านั้น

 

 

 

 

{dmotion width="500"}xttbjn{/dmotion}

 

 

 


พรีเมียร์ ลีก

altลิเวอร์พูล 1 - 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดalt

สนาม : แอนฟิลด์

ประตู :1-0 เจอร์ราร์ด น.46, 1-1 ราฟาเอล น.51, 1-2 ฟาน เพอร์ซี่(จุดโทษ) น.81

ก่อนที่จะมีการแข่งขันกัน ก็ได้มีการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ห์ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่น่ายินดีเมื่อเห็นทั้งสองทีมร่วมใจกันจัดงานในครั้ง นี้
d
เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตันได้มีการถือดอกไม้ช่อใหญ่ไปให้กับเอียน รัชเพื่อที่จะนำไปวางไว้เป็นที่ระลึกแก่ผู้เสียชีวิต
red

 

red

 ว่ากันในเกมวันนี้ลิเวอร์พูลจัดซัวเรซลงเล่นดังเดิม เช่นเดียวกับเจอร์ราร์ดที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงคุมแผงกลาง
ด้านข้างยังคงเป็นสเตอร์ลิ่งที่ได้รับหน้าที่แบบยาวๆไปเลย เพราะฟอร์มเจ้าหนูคนนี้แหล่มจริง

ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าใจหายตรงที่ไม่มีแม้แต่เงาของวิดิชกัปตันทีม โดยเป็นเฟอร์ดินานด์และอีแวนส์จับคู่กัน เอฟร่ากลับมายืนแบ็คซ้ายอีกครั้ง

คากาวะกับฟาน เพอร์ซี่ควงกันลงเพิ่มความอันตรายให้กับทีมเยือน พร้อมกับกิ๊กส์ที่คงกระพันลงเล่นแดงเดือดอีกครั้ง

ครึ่งแรก

เริ่มได้แฮปปี้!หม่อมเหยิน-จับมือฉันมิตร

เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพได้อย่างสวยงาม เมื่อคู่กรณีกันอย่างซัวเรซและเอฟร่าจับมือกันแบบไม่มีขัดเคือง ทำให้เรียกเสียงปรบมือจากแฟนบอลได้พอดูเหมือนกัน
red
เสียวว๊าบ!ลินด์ปัดไม่พ้นเกือบโดนซ้ำ
นาทีที่ 7 เล่นเอาเสียวว๊าบซ๊าบเลยสำหรับจังหวะที่ซัวเรซหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่ง ขวา ก่อนที่จะตวัดจังหวะแรกปาดกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู ลินเดการ์ดปัดได้แต่ไม่พ้น กำลังจะโดนเจอร์ราร์ดเข้าตามซ้ำ แต่เป็นราฟาเอลที่พุ่งเข้าไปเคลียร์บอลโป่งเดียวหาย

ผีโงหัวไม่ขึ้นเลย

ผ่าน 15 นาทีแรก เป็นเกมของลิเวอร์พูลเน้นๆเลย มีโอกาสลุ้นเสียวหนึ่งดอกกับลูกยิงเข้าด้านข้างของเจอร์ราร์ด แต่พวกเขาก็ครองบอลต่อเนื่องได้เยี่ยม ลุยได้เยอะ แถมมิติที่จ่ายกันก็ดูหลากหลาย ผิดกับทางแมนฯยูไนเต็ดที่ขึ้นเกมไม่ได้ กองหน้าก็เก็บบอลไม่ได้อีกต่างหาก

ไหวมั้ยเฮีย ... ริโอกระเผลกแล้ว
ดูแล้วลุ้นเสียวกันแน่นอนสำหรับแฟนแมนฯยูไนเต็ด เพราะเฟอร์ดินานด์ดันมีอาการบาดเจ็บขึ้นมา แม้ว่าจะลงเล่นต่อได้ แต่ท่าทางดูไม่ค่อยดี ปกติไม่เจ็บก็เต่าเรียกพี่อยู่แล้ว เจ็บแบบนี้ไม่รู้ว่าจะหนืดลงไปขนาดไหนเหมือนกัน
r
เขาล่ะ ... บังฝืนยิงไกลเหลวไป
นาทีที่ 26 แทนที่จะเปิดบอลให้เพื่อนได้ลุ้นทำประตู แต่กลับเลือกยิงเองจากระยะไกลโคตรๆซะงั้นสำหรับนานี่ที่ซัดฟรีคิกโด่งข้าม คานออกไป ก่อนทำหน้าขึงขัง สงสัยแก้เขิล

นั่นไงล่ะ!พี่ติ๊กเข้าช้าเกือบถึงจุดโทษ
นาทีที่ 32 ถ้าตำแหน่งมันลึกกว่านั้นอีกหน่อยล่ะจุดโทษแน่นอนเลยสำหรับจังหวะนี้ของเอ ฟร่าที่พยายามจะเข้าตัดสกัดจังหวะที่สเตอร์ลิ่งจะกระชากบอลพลิกเข้าเขตโทษ แต่ช้ากว่าเยอะ เลยรวบแบบเต็มๆ ยังดีที่ทีมไม่เสียหายอะไรมาก

บังเกือบมอบโชคให้สเตอร์ลิ่ง
อีก 5 นาทีต่อมา นอกจากรุกแย่แล้ว ตอนนี้ลงมาช่วยเกมรับก็ดันแจกโชคให้ฝั่งตรงข้ามอีก สำหรับนานี่ที่ลงไปสกัดบอลไปแป้กเห็นๆ พุ่งไปเข้าเท้าของสเตอร์ลิ่งที่ล็อกก่อนหนึงจังหวะแล้วซัด แต่ยังดีที่มีเพื่อนพุ่งบล็อกเอาไว้ได้

แอบโหดไปนะ!ไอ้จ้อนเสียบไอ้จ้อน ไอ้จ้อนเลยแดง
นาทีที่ 39 จริงๆจังหวะนี้เมื่อดูจากภาพช้าแล้วไม่น่าจะถึงกับใบแดงเลย เพราะจังหวะที่เชลวี่ย์เข้าตัดบอลจากกิ๊กส์ได้ ก่อนที่จะพยายามพุ่งเข้าหาบอล พร้อมๆกับอีแวนส์ที่พุ่งเข้ามา กึ่งๆจังหวะ 50-50 แต่พอดีว่าสตั๊ดของเชลวี่ย์ไปจิ้มโดนขาอีแวนส์ บวกกับท่าทางดูจะลอยๆกว่า ผู้ตัดสินมองว่าเข้าบอลอันตรายเลยแจกใบแดงให้ทันที ต้องดูว่าเกมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" ครองบอลวันเวย์เลย
red
นอกจากประเด็นในสนาม แต่ก็มีภาพให้ได้เห็นว่าเชลวี่ย์ไประเบิดอารมณ์ไม่พอใจทะเลาะมีปากเสียงกับเซอร์ อเล็กซ์ที่ข้างสนาม ห้าวน่าดูเลย

จบ 45 นาทีแรกของเกมวันเวย์เพราะเป็นลิเวอร์พูลที่ได้บุกอยู่ฝ่ายเดียว เพียงแต่ยังหาโอกาสจบสกอร์จังๆไม่ได้ แถมยังโชคร้ายมาเสียผู้เล่นไปจากใบแดงของเชลวี่ย์ที่ดูแล้วจริงๆเป็นการเข้า บอลซะด้วย ทั้งสองฝ่ายยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง

แมนฯยูไนเต็ดต้องแก้เกมตามคาด เมื่อพวกเขาเปลี่ยนเอาสโคลส์ลงไปเล่นแทนนานี่ที่กากเหลือใจ ส่วนลิเวอร์พูลก็เปลี่ยนเช่นเดียวกัน ให้ซูโซ่ลงเล่นแทนบอรินี่ซึ่งจริงๆเกมนี้เขาก็เล่นได้ดีไม่หยอก
s
เต็มตีน!ผีเหม่อโดนหัวขิงวอลเล่ย์เต็มตีน
แค่หนึ่งนาทีของครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลก็ได้เฮกันสนามแตก เมื่อผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ดยืนเหม่อกันทั้งที่มีีตัวผู้เล่นเยอะกว่า ปล่อยให้จอห์นสันกระบอลบอลผ่านเข้าเขตโทษ แม้ว่าจะโดนสะกิดแต่ก็ผ่านบอลถึงเจอร์ราร์ดที่ยืนว่างโล่งโจ้งอยู่คนเดียว ตรงกลางได้พักอกแล้ววอลเล่ย์ส่งบอลพุ่งผ่านมือของลินเดการ์ดเข้าไปเสียบเสา สวยงามยิ่ง ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปแล้ว 1-0

 red

 

โคตรช็อก!หย๋อยศักดิ์ปั่นเสียบงามโพด
นาทีที่ 51 ได้ประตูตีเสมอคืนทันควันแถมยังสวยสุดๆเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อราฟาเอลพาบอลตะลุยขึ้นหน้า ก่อนที่จะจ่ายต่อให้เพื่อน แล้ววิ่งเข้าไปรอในกรอบเขตโทษ คากาวะพักอกส่งบอลต่อให้ ก่อนที่ราฟาเอลจะสบช่องเอี้ยวตัวปั่นบอลด้วยซ้ายโค้งอ้อมกองหลังก่อนที่จะ ผ่านมือของเีรน่าเข้าไปเช็ดเสาสองสวยงามเหลือเชื่อว่าพี่หย๋อยแกจะยิงได้ เกมเจ๊ากันแล้ว 1-1

หงส์ร้องลุ้นจุดโทษสองจังหวะ
นาทีที่ 58 สองเด้งสองต่อเลยสำหรับลิเวอร์พูลที่ร้องจะเอาจุดโทษจากจังหวะแรกที่ซัวเรซ พยายามพุ่งเข้าหาบอล แต่โดนอีแวนส์จิ้มเอาไว้ล้มลงไป แต่ท่าสวยไปหน่อย ผู้ตัดสินเลยเฉย ก่อนที่สเตอร์ลิ่งจะโดนสโคลส์พุ่งเข้าสกัดจนกลิ้งไปอีกคน ผู้ตัดสินก็ยังเฉยอยู่เหมือนเดิม

หม่อมเหยินยิงสวยแต่ลินด์เซฟจัด
อีก 3 นาทีต่อมา เ้ด เกอานั่งหนาวขี้อยู่ข้างสนามเลย เมื่อเจอช็อตเซฟลูกนี้ของลินเดการ์ดเข้าไป กับจังหวะที่ซัวเรซยึกหาจังหวะยิงหน้าประตู ก่อนจะแตะสบช่องปั่นบอลพุ่งเลียด แถมมีแฉลบเพิ่มความยากในการรับไปอีก แต่ลินเดการ์ดก็ไม่พลาด ดีดตัวปัดมือเดียวเอาไว้ได้ทัน

แอบเสียว!ซูโซ่วิ่งตะบันติดเซฟ

นาทีที่ 66 เกือบจะได้ลุ้นทำประตูในเกมแดงเดือดกับเขาแล้วสำหรับซูโซ่ ในจังหวะที่เขาค่อยๆขยับเติมขึ้นไปในจังหวะที่ซัวเรซยืนฟันจอบสับขาหลอก เฟอร์ดินานด์อยู่ ก่อนที่จะป้ายคืนให้แข้งดาวรุ่งวิ่งซัดเต็มๆ แต่ไม่ผ่านมือของลินเดการ์ดที่ปัดป้องไว้ได้
red
ผีเล่นกันป้อกแป้กมาก
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย แม้ว่าจะมีตัวผู้เล่นมากกว่าอยู่ตั้งนานสองนาน แต่เกมของแมนฯยูไนเต็ดไม่ได้เหนือกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนใหญ่จะมีแต่จ่ายกันผิดพลาด ไม่ก็โดนลิเวอร์พูลดักกันจนขึ้นเกมรุกไม่ได้เลย

ได้ไง ... ผีได้จุดโทษซะงั้น

นาทีที่ 77 ออกอาการมึนงงกันทั้งสนามและคนดู เมื่อวาเลนเซียแตะบอลกระชากหนีผู้เล่นของลิเวอร์พูลที่เข้าสกัดบอลกันช้าได้ ก่อนจะควบจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษ แม้ว่าจะมีตัวให้จ่ายแต่เขาเลือกเล่นเอง พยายามง้างจะยิง แต่มีจอห์นสันพุ่งเข้าไปข้างหลัง แล้วล้มลงไป ผู้ตัดสินเลยเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่พอมาดูจากภาพช้า ไม่ได้ใกล้เคียงกับการสกัดแท็คเกิ้ลเลยแม้แต่นิด เพราะจอห์นสันพุ่งอ้อมไปพยายามแหย่บอลจนชนกับเรน่า ส่วนวาเลนเซียง้างจะยิงแล้วเหมือนลื่นล้มไปเอง แต่ได้จุดโทษ ก่อนที่ฟาน เพอร์ซี่จะรับหน้าที่สังหาร แม้ว่าเรน่าจะพุ่งถูกทาง แต่บอลมันแรงเกินเลยเอาไม่อยู่ แมนฯยูไนเต็ดพลิกขึ้นนำ 2-1

rvp
red

rvp

จากจังหวะก่อนหน้านี้ทำให้แอกเกอร์ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไปเรพาะเจ็บเล่นไม่ไหว ก่อนที่คาร์ราเกอร์จะลงไปเล่นแทน

หงส์ร้องใบแดง RVP
นาทีที่ 84 ลิเวอร์พูลร้องขอจะเอาใบแดงบ้าง เมื่อฟาน เพอร์ซี่ไปเสียบสกัดใส่ผู้เล่นลิเวอร์พูลแบบเหมือนจะเปิดปุ่มด้วย แต่ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมเล่นกันต่อก่อนจะกลับไปแจกใบเหลืองหใ้กับแข้งเลือด ดัตช์

ช่วงท้ายเกมแมนฯยูไนเต็ดดึงเกมกระจาย ไม่ว่าจะเล่นช้าหรือชิงเปลี่ยนตัว ก่อนที่จะยื้อจนจบลงที่สกอร์ 2-1 เป็นชัยชนะของพวกเขาเหนือลิเวอร์พูลชนิดที่เรียกได้เลยว่าแฟนบอลเจ้าบ้านคง จะหงุดหงิดกับผลการแข่งน่าดูแน่นอน

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า alt, เกล็น จอห์นสัน, ดาเนียล แอกเกอร์(คาร์ราเกอร์ น.80), มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน, จอนโจ้ เชลวี่ย์ alt, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟาบิโอ บอรินี่(ซูโซ่ น.45), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง(เฮนเดอร์สัน น.66)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด โจนส์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, นูริ ซาฮิน, อุสซาม่า แอสไซดี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
: อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ราฟาเอล alt (เวลเบ็ค น.89), ปาทริซ เอฟร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี่ อีแวนส์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, นานี่(สโคลส์ alt น.45), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ alt alt, ชินจิ คากาวะ(เอร์นานเดซ น.81)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม
: ดาบิด เด เกอา, อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์, แอนเดอร์สัน, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์

red
 
red
red
red
500
500
500
red
 


ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=673789

 

Go to top