มูลนิธิบูรณะนิเวศและศูนย์วิจัยเปิดมินามาจะศึกษา นำเสนอผลศึกษา "เหมืองทองคำ" จ.เลย พบโลหะหนักปนเปื้อนทั่ว "สารหนู" อยู่ระดับเสี่ยงสุขภาพที่รับไม่ได้

มูลนิธิบูรณะนิเวศและศูนย์วิจัยเปิดมินามาจะศึกษา นำเสนอผลศึกษา "เหมืองทองคำ" จ.เลย

    นายอัครพล ตีบไธสง เจ้าหน้าที่เทคนิคและวิชาการ มูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยในเวทีสัมมนา "ข้อเท็จและความจริง: เหมืองทองคำ จังหวัดเลย" ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2560 ตอนหนึ่งว่า จากผลศึกษาการปนเปื้อนโลหะหนักในตะกอนดินของพื้นที่รอบเหมืองทองคำ จ.เลย บริเวณร่องห้วยเหล็ก ห้วยผุก ลำน้ำฮวย และภูซำป่าบอน จำนวน 20 ตัวอย่าง ในปี 2559 พบว่ามีโลหะหนักปนเปื้อนที่สำคัญคือ สารหนู แคดเมียม และทองแดง โดยเฉพาะในบริเวณห้วยเหล็กใต้บ่อเก็บกากแร่ ทั้งฝั่งภูเหล็กและฝั่งตรงข้าม

   ทั้งนี้ เมื่อนำผลการศึกษามาประเมินระบบความเสี่ยงทางสุขภาพ พบว่าสารหนูมีค่าความเสี่ยงหากเด็กได้รับอยู่ในระดับที่ยอมรับไม่ได้และอาจมีปัจจัยเสี่ยง ส่วนในผู้ใหญ่นั้นอยู่ในระดับเฝ้าระวัง ขณะที่สารโลหะหนักประเภทแคดเมียนในเด็กและผู้ใหญ่ มีระดับความเสี่ยงทางสุขภาพอยู่ในระดับไม่ปกติ และมีความรุนแรง

    น.ส.อัฏฐพร ฤทธิชาติ ฝ่ายเทคนิคและวิชาการ มูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า ในส่วนของการสื่อสารความเสี่ยงของหน่วยงามรัฐแก่ประชาชนในพื้นที่ พบว่ามี 4 ประเด็น คือ 1.ไม่มีการรายงานผลการดำเนินโครงการเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ 2.ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเข้าไม่ถึงข้อมูลผลตรวจสุขภาพของตัวเอง 3.ขาดการวิจัยและการบ่งชี้ความสัมพันธ์ระหว่างอาการเจ็บป่วยกับปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และ 4.ยังไม่มีมาตรการการเยียวยาและฟื้นฟูสุขภาพของประชาชนที่ชัดเจน

    น.ส.เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบมาตรการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โครงการเหมืองแร่ทองคำ จ.เลย พบว่าได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เมื่อปี 2541 แต่ต่อมาเกิดข้อเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ให้มีการตรวจสอบ จนพบว่าบริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอีไอเอ เช่น ปล่อยให้มีไซยาไนด์เจือปนในกากแร่สูงเกินกว่าค่าที่กำหนด เป็นต้น

    ด้าน น.ส.วิมลิน แกล้วทนง นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า คพ.ได้มีการร่างกรอบแผนปฏิบัติการลดและป้องกันการปนเปื้อนในพื้นทีลุ่มน้ำเลย บริเวณ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย โดยประเด็นสำคัญในการดำเนินงานภายใต้แผนฯ คือการควบคุมการแพร่กระจายมลพิษจากแหล่งกำเนิด การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การถ่ายถอดความรู้ในการจัดการความเสี่ยง การเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและติดตามผลการแก้ปัญหา รวมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

     ศ.ทาคาชิ มิยากิตะ ผู้อำนวยการภาคสนาม ศูนย์วิจัยเปิดมินามาตะศึกษา มหาวิทยาลัยคุมาโมโตกักกุเอ็ง ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ทิศทางและการดำเนินงานที่สามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่ อ.วังสะพุง คือการนำทรัพยากรธรรมชาติและภูปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยทางศูนย์วิจัยฯ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลให้กับชุมชนในหมู่บ้าน บุคคลภายนอกทั้งในและต่างประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน

 

 

 

ขอขอบคุณบทความจาก : https://www.youtube.com/watch?v=JcfphJKLFxU

Go to top