13.06 ตอนนี้ กำลังค้นบ้านครูปรีชา โดยมีครูปรีชาอยู่ที่บ้านด้วย  และการออกหมายจับได้เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

561000002133201

MGR Online - ศาลออกหมายจับ “ครูปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น” หลัง ผบช.ก.และชุดคลี่คลายคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน หอบสำนวนคำร้องเสนออธิบดีศาลอาญา

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (28 ก.พ.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.), พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.), พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 ป., พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก ผกก.หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปรามปราม และคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน รวมเกือบ 10 นาย ได้เดินทางเข้าพบนายบุญชู ทัศนประพันธ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมนำสำนวนและคำร้องขอออกหมายจับเข้าปรึกษาหารือ โดยภายหลังพนักงานสอบสวนก็ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ฐิติราช และคณะก็ได้เดินทางออกจากศาล

โดย พล.ต.ท.ฐิติราช ผบช.ก.กล่าวว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมายื่นต่อศาลเพื่อให้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีใครบ้างนั้น ต้องรอการแถลงข่าวจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในช่วงบ่ายวันนี้

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ผบก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงรอคำสั่งจากศาลว่าจะมีคำสั่งอย่างไร ซึ่งบุคคลที่พนักงานสอบสวนมาขอหมายจับ รวมทั้งข้อหานั้นเป็นไปตามข่าวที่นำเสนอก่อนหน้านี้ ส่วนพยานหลักฐานที่นำเสนอต่อศาลในขณะนี้เพียงพอแล้ว และศาลไม่ได้เรียกขอพยานเพิ่มเติมแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า ที่มีความเห็นจากหลายฝ่ายระบุว่าเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อหา พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า ขอให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในการเดินทางมาพบอธิบดีศาลอาญานั้น ผบช.ก.และ ผบก.ป.ได้หลบเลี่ยงผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่รอดักสัมภาษณ์อยู่ด้านหน้าอาคารศาลอาญา โดยทั้งสองได้เดินบันไดด้านหลังอาคารศาลอาญาและมารอลิฟต์เพื่อขึ้นไปพบอธิบดีศาลอาญาที่ห้องทำงานชั้น 10 ศาลอาญา

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในเวลาต่อมาศาลได้อนุมัติออกหมายจับ "ครูปรีชา" นายปรีชา ใคร่ครวญ และ "เจ๊บ้าบิ่น" นางรัตนาพร สุภาทิพย์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเข้าควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วยความผิดตาม มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดีพนักงานสอบสวน หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับ ไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแกพนักงานสอบสวน หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกิน หกหมื่นบาท และ มาตรา 174 กระทำการ เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

Go to top