บ่ายวันนั้น ขณะที่เฉ่ มะเขือพวง เสเพลบอยชาวไร่ผู้มียี่เกในหัวใจ กำลังชำระล้างร่างกายตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบสามวัน พลันก็ให้ได้สะดุดเสียงตะโกนดังมาจากต้นตะแบกต้นใหญ่หน้าบ้าน ก้อนเสียงนั้นให้คล้ายจะเป็นสำเนียงของพ่อลูกอ่อน โอ นาเวียงเป็นแน่แท้
จริงดั่งคิด พ่อลูกอ่อนมือใหม่อุ้มลูกสาววัย7เดือนมาชักชวนสหายร่วมหมู่บ้านไปเคาะสนิมวงสวิงกันบ้าง ไอ้ครั้นลำพังจะรอคำเปรม กระโทก กับ ทิม กะทกรกก็คงไม่ไหว พลันที่ผลัดผ้าเรียบร้อยทั้งสองสามคนก็ออกเดินทาง พ่อลูกอ่อนแนะนำสนามใหม่ที่เฉ่ มะเขือพวงยังไม่เคยไป สนามนี้ตั้งอยู่บ้านฟากนาทางไปโรงพยาบาลจิตเวช ผ่านโรงเรียนเลยอนุกูล ย่านที่พักอาศัยไปไกลโข ด้วยความที่ห่างหายไม่ได้มาที่นี่นาน พ่อลูกอ่อนขับเกวียนเลยไปไกลพอสมควรกว่าจะหาเจอก็ล่วงเข้าบ่ายสามแล้ว แต่พอมาถึงทั้งสองหนุ่ม(แก่)ก็หายเหนื่อยเมื่อปลายทางที่หวังไว้บรรยากาศดียิ่งนัก สนามแห่งนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี มีการตัดหญ้าโดยลุงคนหนึ่งความยาวสนามประมาณสามร้อยหลา ตามป้ายบอกระยะที่ตี ลมพัดโกรกมาตลอดเวลาทำให้อิหนูอินวาลูกสาววัย7เดือนไม่งอแง พ่อลูกอ่อนพอใจนักที่จะได้มีสมาธิที่ลูกอื่นไม่ใช่ลูกสาว ที่เฉ่ มะเขือพว งอดอมยิ้มไม่ได้คือสนามได้แบ่งพื้นที่ไว้สำหรับการฝึกซ้อมอย่างอื่น เช่นที่ซ้อมพัตต์ ที่ระเบิดทราย รวมถึงสร้างเนินเล็กๆไว้ในแฟร์เวย์เพิ่มลูกเล่นเล็กๆ สนนราคาก็เท่ากับที่อื่นๆไม่ต่างมากนัก ว่าแล้วทั้งสองหนุ่ม(แก่)ก็วาดลวดลายทันที ได้เหงื่อได้เสียงหัวเราะ ได้คำสบถ ฝากไว้ให้สนามแห่งนี้ เพื่อคราวหน้าจะได้กลับมาใหม่ ล่วงเข้าสี่โมงเย็นต่างก็หมดเรี่ยวแรงและใกล้เวลาพาอิหนูอินวาไปกินนมแม่ที่ไปทำงานบ้านผู้ใหญ่ ทั้งสามจึงขออำลาสนามนี้ไปแต่โดยดี
ลานจอดเกวียนด้านหน้าทางเข้าสนาม กว้างขวางพอสมควร
มุมกว้าง
น่ารักก็ตรงจุดนี้ แอบขำเล็กๆ
สุดลูกหูลูกตากับแฟร์เวย์
ตีไหวก็เอาให้หมดเลยนะครับไอ้หนุ่มชาวไร่ตีได้แค่แปดถาดก็ปวดเมื่อยแล้ว
ตรงนี้อยู่ด้า่นหน้าสนามครับ ไม่ใช่ที่พักนะ
มีการระเบิดกันจนเละหมดแล้ว คุณลุงผู้ดูแลสนามไม่ทราบสัญชาติแจ้งกับเรา
วงสวิงของพ่อลูกอ่อนสัญชาตินาเวียง
ตรงเข้าไปก็สามารถตีได้เลย
เห็นป้ายนี้แล้วเลี้ยวเข้าเลยนะครับ ไกลพอสมควรแต่คุ้มค่า
อิหนูอินวามาเป็นกองเชียร์ให้พ่อ