เข้าหน้าหนาวอย่างนี้ หากอยากสัมผัสกับอากาศหนาวสุดๆ ก็ต้องขึ้นภู ขึ้นดอย และถ้าบวกกับพลังวัยรุ่นผู้รักการผจญอย่างพวกผม “ภูกระดึง” จึงเป็นคำตอบสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัยจาก กทม. ถึงที่ทำการอุทยานฯ ด้วยรถทัวร์ จากหมอชิต 2 ถึง จุดจอดรถผานกเค้า ต่อด้วยรถสองแถวถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นเวลา 07.00 น. อากาศกำลังเย็นสบาย พวกเราไม่รอช้ารีบจัดแจงเสียค่าเข้าอุทยาน ฝากสัมภาระให้เป็นภาระของลูกหาบให้เสร็จสับ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก เดินหน้าจากตีนภูถึงหลังแป ด้วยระยะทางประมาณ 5.5 พร้อมความสูงกว่า 1,200 จากระดับน้ำทะเล
 
จากตีนภูถึงหลังแป
 
 บอกเลยว่าเหนื่อยเอาการ ถ้าร่างกายไม่ฟิต ไปไม่ถึงแน่ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ยังมี “ซำ” ให้เราแวะพักอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเราก็แวะพักทุกซำจริงๆ เวลาผ่านไป 3 ชม. เราก็ขึ้นมาถึงหลังแปจนได้ เหนื่อยลิ้นห้อยไปตามๆ กัน ตัวเองยังนึกสงสัยเลยว่า นี่แค่เดินตัวเปล่าๆ ยังเหนื่อยขนาดนี้ แล้วลูกหาบที่แบกข้าวของน้ำหนัก 30-40 กก. นี่เขาทำได้ยังไง
 
แวะพักเพิ่มพลัง
 
จากหลังแปถึงวังกวาง
 
 ขึ้นมาถึงหลังแปแล้ว ก็ยังต้องเดินเท้าต่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยงวังกวาง ระยะทางประมาณ 3.5 กม. ยังดีที่เป็นทางราบ ที่จุดนี้ เราจะมากางเต้นนอนกันครับ
 
กว่าจะขึ้นมาถึงที่นี่ เหนื่อยโฮก
 
 ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยงวังกวางแล้ว พวกเราก็รีบติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องที่พัก พร้อมเครื่องนอน อากาศที่นี่หนาวสะใจจริงๆ อุณหภูมิต่ำสุดของวันอยู่ที่ 9 องศา ส่วนสูงสุดก็ประมาณ 20 องศา ครับ หนาวสุดๆ (ประมาณช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนครับ) เรื่องอาบน้ำนี่ไม่อยากพูดถึง ซึ่งน้ำที่อาบก็น้ำเย็นตามอุณหภูมิของที่นี่เลยครับ อีกอย่าง พอตกกลางคืนจะมีเก้ง กวาง ออกมาหาอะไรกินด้วย คือรู้สึกใกล้ชิดยิ่งกว่าไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวอีกครับ
 
สัมผัสอากาศที่องศาเลขตัวเดียว เครื่องนุ่งห่มต้องพร้อมนะครับ
เก้งมาหาอาหารยามค่ำคืน
 
ไม่มีอะไรมาก นอกจากเดิน เดิน แล้วก็เดิน
 กิจกรรมที่พวกเราวางแผนไว้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจาการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ซึ่งก็ถือเป็นไฮไลต์ของการมาภูกระดึงนั่นแหละครับ ซึ่งที่ภูกระดึงนี้ก็มีหน้าผามากมายให้เราเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก แต่ที่ที่สุดยอดที่สุดก็คือ การชมพระอาทิตย์ตกที่ “ผาหล่มสัก” ครับ ซึ่งใช้ระยะทางถึง 9 กม. ในการเดินจากวังกวาง เรียกว่าเหนื่อยโฮก แต่พอไปถึง เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมๆ โตๆ มันก็หายเหนื่อยซะงั้น
พระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก
พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาหมากดูก
 
 ผืนป่าที่นี่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน คือ ที่เป็นป่าสนเขา จะปกคลุมไปด้วยต้นสน และทุ่งหญ้าซึ่งจะมีลักษณะเป็นป่าโปร่งๆ ซึ่งเป็นที่ที่เราเดินเที่ยวได้ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นป่าดงดิบ เป็นป่ารกทึบ ประกอบมีน้ำตกมากมาย เราสามารถเดินเที่ยวได้ในบริเวณและเวลาที่จำกัดไว้จากทางอุทธยาน เพราะบริเวณนี้ยังมีสัตว์ป่า จำพวกเสือโคร่ง ช้าง ออกหากินอยู่ ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้
 
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ถ้ามาช่วงเดือน ธ.ค. - ม.ค. จะเห็นต้นเมเปิ้ลเป็นสีแดงด้วยครับ
น้ำตกในฝั่งที่เป็นป่าดงดิบ
 สำหรับวัยรุ่นพลังงานล้นเหลือแล้ว ที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวเป็นที่สุด ส่วนผู้สูงอายุก็ต้องรักษาความฟิตไว้หน่อย ก่อนตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวที่นี่ เสน่ของที่นี่คือการได้เดินทางผจญภัย พร้อมสัมผัสกับธรรมชาติใกล้ชิดรอบตัว เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะมาก็ต้องฟิตร่างกายกันหน่อยนะครับ 
 
ขอขอบคุณรูปภาพและบทความจาก back.2.basic
Go to top