การออกสตาร์ทในบอลลีกที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบร้อยกว่าปี คงไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจสำหรับแฟนานุแฟนของลิเวอร์พูลแน่ ตรงข้าม มันอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เหล่าขุนพลมีชื่อทั้งหลายระเบิดฟอร์มเทพในแมตช์สำคัญกับอริเก่าแมตช์นี้ก็เป็นได้
ว่ากันตามฟอร์มของลิเวอร์พูลแล้ว เหมือนจะยังมีจุดเล็กๆในทุกตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว ตามประสาทีมที่เปลี่ยนแปลงทั้งผู้เล่นคนสำคัญใหม่รวมทั้ง กุนซือคนใหม่ที่เปลี่ยนบ่อยมากในรอบสามปีหลัง จึงส่งผลต่อระบบในทีม คือนักเตะรับรู้กลยุทธ์จากโค้ชมาแล้วรู้แล้วว่าจะเล่นยังไง แต่การประสานงานในทีมยังหาจุดลงตัวไม่เจอ
เท่าที่จ่าเฉ่มองการออกสตาร์ทในปีนี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยังกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ แต่ไม่ใช่จะไม่กลับมา จ่าคิดว่านักเตะระดับพันธุ์หมาบ้าแบบนี้รอการปะทุอยู่ แม้ต้องยอมรับเรื่องกำลังวังชาที่ถดถอยตามวัยก็ตาม บทบาทตัวคุมจังหวะของทีมถูกโยนมาที่ โจ อัีลเลน อดีตหงส์ขาวที่หอบเสื้อผ้าหนีตาม บีร็อดมาจากแคว้นเวลส์ ด้วยความคาดหวังผลงานระดับ ชาบี อลอนโซ่ ซึ่งเจ้าตัวก็ฉายแววความหวังให้เห็นกันบ้างแต่ด้วยฟอร์มทั้งทีมดูไม่เจริญตาจึงยังไม่ได้รับการกล่าวถึงนัก อีกจุดหนึ่งซึ่งสำคัญตามสถิติ คือการกลับสู่ก้นเหวอีกครั้งของ เปเป้ เรน่า นายทวารบานหัวล้าน ผู้มีสถิติคลีนชีตดีที่สุดของบรรดาประตูหงส์ เรน่า ออกลูกเหวอบ่อยครั้งในช่วงสองปีหลัง นินทากันว่าหลังจาก เอล บอล ราฟา เบนิเตซย้ายก้นออกไปพร้อมโค้ชประตู ผลงานของนายประตูกระทิงดุกลายเป็นนายประตูน้ำแทน เพื่อนร่วมทีมต่างหนุนให้กำลังใจเรน่าว่าจะสามารถคืนฟอร์มเดิมได้อีกครั้ง ไม่แน่อาจเริ่มต้นในบ่ายวันอาทิตย์นี้
มาที่กองหลังกันบ้าง คู่เถื่อนขาโหดอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทลกับ แดน แอ็กเกอร์ จับคู่กันเหนียวแน่นหลังหายจากการบาดเจ็บ เบียดโลคัล บอย อย่าง เจมี คาร์ราเกอร์ลงไปใส่สนับก้น จ่ามองว่าคู่นี้ฟอร์มดีแล้ว ปัญหาอยู่ที่ แบ๊ค ซ้ายและขวา เกล็น จอห์นสัน ผู้บุกตะบึงไปข้างหน้าและแสวงหาช่องทางส่องประตูทั้งๆรู้รู้ว่าโอกาสเข้าเป็นศูนย์ ก็ยังตะแบง ขึ้นไปแล้วลงมาไม่ค่อยทัน ไม่ต่างจาก โฆเซ่ เอ็นริเก้ทางฝั่งซ้ายนัก เพียงแต่ขานี้มีติดเรื่องความเร็ว ตามปีกตัวจี๊ดคู่แข่งไม่ค่อยทัน เชื่อว่านัดนี้ บีร็อดคงกำชับให้ทั้งคู่คุมพื้นที่ของตัวเองไม่ต้องหักโหมมากตามรูปเกมส์ก็พอ
สำหรับฝ่ายกระหน่ำประตู หลุยส์ ซัวเรส จะได้เป็นตัวยืนเพื่อใส่สกอร์ลบคำสบประมาทว่าใช้โอกาสเปลือง จากสถิติโอกาสยิงสี่นัดแรก เกินยี่สิบครั้ง เปลี่ยนเป็นแค่สองประตู และหนึ่งในนั้นมาจากลูกตั้งเตะ เห็นได้ชัดว่าการสร้างสรรค์โอกาสทำประตูของลิเวอร์พูลนั้นมีค่อนข้างมาก เหลือแ่ค่การกลับมาเข้าฟอร์มของซัวเรส และการแจ้งเกิดของ ฟาบิโอ บอรินี กองหน้าอิตาเลียน หรือการทะลุโลกันตร์ของจรวดเห่าไฟ ราฮีม สเตอลิง เด็กปั้นจากแค้มป์เมลวู้ด หากทุกอย่างลงตัว หงส์แดงก็จะสามารถต่อกรกับ ทัพอสูรแดงได้สนุกแน่นอน
จ่าเฉ่มองว่า ลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายครองเกมส์และสร้างสรรค์โอกาสได้ดีกว่าเหล่าปีศาจในอัตราใกล้เคียง ขณะที่แมนฯยูไนเต็ดเองก็เล่นอย่างอดทนรอโต้กลับและอาศัยการปั้นเกมส์ของ พอล สโคลส์ซึ่งน่าจะได้ลงมาคุมเกมส์ และใช้เกมส์ริมเส้นตอบโต้หงส์แดง โดยอัดกลางแน่นๆ ทิ้ง อาร์วีพีไว้แดนหน้า เซอร์ไพรส์นัดนี้คือ หมูนรก เวย์น รูนีย์ อาจได้ลงมาอยู่ข้างหลังคอยเสริมกำลังดัตช์แมน แต่โอกาสน้อยเต็มที ความน่าจะเป็นจึงอยู่ที่การอัดแผงกลางแน่น5ตัว แล้วรอ Killer Pass จาก ชินจิ คากาวะ ก็ไม่แน่
ประเด็นต่อเนื่องจากปีก่อนเรื่องของสองเรา ซัวเรส กับพี่ติ๊ก ปาทริซ เอวร่า อาจถูกลืมไปจากการมาใหม่ของ อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์ แต่โดยส่วนตัว ท่านเซอร์ชอบใช้นักเตะเก๋าๆสำหรับเกมส์ใหญ่ๆและชอบสร้างความประหลาดให้ชาวโลกมาโดยตลอด คอยดูว่าจะเป็นเรื่องใด
สรุปได้ว่านัดนี้่จ่าเฉ่ให้เป็นเกมส์ของหงส์แดงตามความเชื่อของสาวกหงส์ทั้งหลายที่คาดว่าจะเปิดซิงสามแต้มในเกมส์สำคัญนี้ และการจะกลับมาเข้าฟอร์มของผู้เล่นทุกตำแหน่งหลังจากไปทัวร์แถวชายหาดมานาน และเอาเกมส์นี้เป็นที่ระเบิดอารมณ์ มองแบบแง่ร้ายคือ ลิเวอร์พูลมีโอกาสยำใหญ่ผีแดงในสกอร์ที่ขาดลอย อย่าลืมนะครับ หลังอสูรแดงใช่ว่าจะแกร่งเหมือนเดิม การจับคู่กันอีกครั้งหลังโดนโรงพยาบาลลักพาตัวไปของขาใหญ่ เมานย่า วิดิชกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ยังต้องอาศัยเวลาจูนใหม่ ซึ่งไม่น่าจะใช่นัดนี้ แต่กลับกัน แมนฯยูไนเต็ดหากจะเอาชนะลิเวอร์พูลได้ก็คงเป็นสกอร์ที่สูสี และไม่ปิดโอกาสที่ทั้งคู่จะแบ่งแต้ม เพื่อสร้างสถิติที่เลวร้ายให้หงส์แดงสู้ต่อไป
นักเตะที่น่าจับตามอง ราฮีม สเตอลิงและ ชินจิ คากาวะครับ จบง่ายๆแบบนี้แหละ