x   หลังจากออกสตาร์ทในฤดู กาลใหม่แต่ดันพกแค่ 2 แต้มทั้งที่เล่นไปแล้วถึง 5 เกมในลีก ซึ่งโดนจับเข้าบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ออกตัวสุดห่วยของทีมนับตั้งแต่ปี 1911 แต่ใช่ว่านี่จะเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายของลิเวอร์พูลซะเมื่อไหร่


   แนวโน้มแห่งความผิดหวังของบรรดาเดอะ ค็อปดูเหมือนจะเริ่มต้นเดินซ้ำรอยเดิม แถมยังมาหัวใจสลายแบบสดๆร้อนๆมาเกมที่พ่ายต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในศึก ‘เรดไฟท์’ ไปชนิดที่เรียกได้เลยว่าน่าเสียดายสุดๆ

 

ก่อนเกมเหมือนจะเป็น วันแห่งความสุขและสามัคคีถ้วนหน้า เมื่อทั้งสองทีมต่างก็ร่วมใจในการที่จะอุทิศถึงเหล่าผู้เสียชีวิตใน เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโรห์และเหมือนจะเป็นวันของเจ้าบ้านอย่างแท้ จริง เมื่อพลพรรค “หงส์แดง” เข้าฟอร์มกันแทบทุกตำแหน่ง ครองบอลและทำเกมใส่คู่อริตลอดกาลของพวกเขาได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างโอกาสได้เพียบ
c
แต่แล้วจุดเปลี่ยนก็บังเกิดขึ้น เมื่อมีการเข้าบอลแบบ 50-50 กันระหว่างจอนโจ้ เชลวี่ย์และจอนนี่ อีแวนส์ แม้ว่าจะเป็นการเข้าถึงบอลแทจะพร้อมๆกันและไม่ได้มีการมุ่งร้ายต่อกันทั้ง คู่ แต่มาร์ค ฮัลซี่ย์ผู้ตัดสินในเกมนั้นมองว่าแข้งโชว์จ้อนเป็นฝ่ายผิดและแจกใบแดงไล่ออก จากแดงไป ในขณะที่อีแวนส์เดินตัวปลิวสบายใจ แม้ว่าจะเจ็บอยู่หน่อยก็เถอะ

ถึงอย่างนั้น นักเตะของลิเวอร์พูลทุกคนก็ไม่ใจเสีย แถมยังคงเล่นเกมในแนวทางที่พวกเขาทำมาตลอดตั้งแต่ต้นเกม โดยไม่สนใจการตัดสินที่พวกเขาไม่เห็นด้วยเต็มอก แม้ว่าจะเป็นรองเรื่องผู้เล่นอยู่กว่า 50 นาที แต่ก็ยังเดินหน้าและเป็นฝ่ายครองบอลลุยไม่หยุด แน่นอนว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่าทีมเยือนอย่างชัดเจนในเกมดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้น ทีมดังแดนเมอร์ซี่ย์ไซด์ก็ต้องจบลงด้วยการที่ไร้แต้มไปในที่สุด

แม้ผลการแข่งจะไม่ออกมาอย่างใจคิด แต่ที่แน่ใจได้เลยก็คือเกมจบลงพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมกว่าภายที่เป็นผู้กำชัยชนะไป

หากจะมองกันให้ลึกลงไปอีกนอกเหนือจากเกมนี้แล้ว ยังมีอีกหลายเหตุผลและองค์ประกอบที่พร้อมจะทำให้เชื่อว่าลิเวอร์พูลจะตะลุย ผ่านฤดูกาลนี้ไปในแนวโน้มที่สดใสสำหรับสโมสรได้


เราลองมาดูเหตุผลประกอบคำกล่าวอ้างที่ว่ากันครับ

ตารางการแข่งขัน
l หลังผ่านช่วงมหาหินในการเจอกับเวสต์บรอมวิช ต่อด้วยแมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล, ซันเดอร์แลนด์และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแล้ว คิวต่อไปของพวกเขาดูจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลยสักเท่าไหร่

ลิเวอร์พูลจะลงฟาดแข้งกับนอริช ซิตี้ในวันเสารี้ ต่อด้วยเกมในบ้านกับสโต๊ค ซิตี้และเรดดิ้ง ก่อนที่จะเปิดศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ครั้งแรกของฤดูกาล แน่นอนว่าเบรนแดน ร็อดเจอร์สกุนซือตาหวานคงต้องบอกลูกนี้ว่า 10 คะแนนคือตัวเลขที่พวกเขาคาดหวังจะได้จากโปรแกรมที่ว่าไปข้างต้น

โอปปา ร็อดเจอร์ส สไตล์
l
ขุนพล “หงส์แดง” เริ่มเห็นแววแล้วว่ากำลังปรับเข้ากับสไตล์ที่ร็อดเจอร์สวางเอาไว้ให้กับพวก เขา การครองบอลเชื่อมต่อกันทำได้ดีและบ่อยครั้งขึ้น พร้อมกับมิติและการเข้าทำที่สร้างโอกาสลุ้นสกอร์เพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งร็อดเจอร์สก็เพิ่งจะออกมาพูดถึงพัฒนาการของลูกทีมเองเลยว่า “ในเกมกับโกเมล(ในยูโรป้า ลีก) เราสามารถผ่านบอลเน้นๆได้ 5 ครั้งต่อกัน ทำให้ทะลุยาวไปถึงกองหน้าได้และแน่นอนว่าอีกไม่นานฟอร์มการเล่นที่มีจะส่งไป ถึงผลที่ต้องการ เราจะเริ่มกันจากตรงนั้นแหละ”

ความทุ่มเท,พยายาม
l
ช่วงใกล้ๆจะจบฤดูกาลที่แล้ว ต้องยอมรับเลยว่าลิเวอร์พูลเล่นได้แย่เกินห้ามใจในบางเกมและเกือบจะทั้งหมด มีสาเหตุมาจากการที่พวกเขาเหยาะแหยะ ไม่ลุยเต็มที่ ประกอบกับทีมที่ตอบไม่ได้เลยว่าใครคือตัวจริง ตัวหลักที่ถาวรให้กับทีมกันแน่ ก่อนจะซ้ำเติมด้วยฟอร์มอันน่าผิดหวังของบรรดาแข้งใหม่ที่เซ็นเข้ามาสู่ทีม

แต่ตรงกันข้ามกัน ร็อดเจอร์สจุดประกายนักเตะในทีมให้มีไฟลุกโชนขึ้นมา ทุกคนไล่บีบพื้นที่และกดดันคู่แข่งไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนว่าแข้ง “หงส์แดง” ทุกคนจะพร้อมใจกันเล่นเพื่อนายใหญ่ของพวกเขา

ดวง
l
ลิเวอร์พูลถือว่าเป็นหนึ่งในถือที่อับโชคมากที่สุดทีมหนึ่ง กับการที่บรรดาแนวรุกมักจะซัดบอลไปชนเสาชนคานจนเห็นเป็นเรื่องชินตา แต่ถึงอย่างนั้นร็อดเจอร์สก็ยังเชื่อว่าจะมีสักวันที่เทพีแห่งโชคจะหันมาทาง พวกเขาอย่างแน่นอน “ไม่ช้าไม่นานโชคดีจะหัมาหาพวกเขาและเมื่อเรามีมันเราก็จะคว้าชัยชนะได้ เมื่อเราทำได้ เราก็เหมือนหงส์ติดปีก”

อาการบาดเจ็บ
l
ออกจะหวาดเสียวอยู่เหมือนกันระหว่างเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อดาเนียล แอกเกอร์, มาร์ติน เคลลี่และฟาบิโอ บอรินี่ต่างก็เจ็บพร้อมกัน แต่สุดท้ายแอกเกอร์กับบอรินี่ก็ได้รับข่าวดีที่ไม่ต้องพักนานมากมาย อีกสักเดี๋ยวคงได้เจอกัน

แม้ว่าในรายของเคลลี่อาจจะเจ็บยาวไปจนถึงต้นปีหน้า แต่จากการที่ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่แบ็คขวาตัวหลักตัวสำคัญของทีมขนาดนั้น อย่างน้อยนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากถึงขั้นต้องวิตกแต่อย่างใด

ดาวรุ่ง
l
นี่คือสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดของทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ นำโดยราฮีม สเตอร์ลิ่งที่ต้องบอกเลยว่าฟอร์มแซ่บเหลือเกิน ตามมาด้วยซูโซ่ซึ่งถ้าไม่เจ็บไม่อะไรไปก่อน ก็เตรียมวางตัวลงเล่นยาวๆไปสำหรับฤดูกาลนี้

จอนโจ้ เชลวี่ย์ถึงจะโดนใบแดงไปในเกมพรีเมียร์ ลีกกับแมนฯยูไนเต็ด แต่ฟอร์มของเขาก็วางใจได้ ส่วนอังเดร วิสดอมก็ได้รับเสียงชื่นชมจากร็อดเจอร์สแบบไม่ขาดสาย กระทั่งซามิด เยซิลก็ดูดีมีอนาคตจากการทำประตูสุดสวยได้ระหว่างเกมชุดเยาวาชนของทีมชาติ เยอรมัน

ฉะนั้นแล้วถึงลิเวอร์พูลจะออกสตาร์ทได้แย่มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ของสโมสร แต่อย่าไปคิดอะไรมาก กับการที่มีโปรแกรมไม่ยากเย็น บวกกับนักเตะในทีมเริ่มปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นที่ร็อดเจอร์สวางไว้ เพิ่มความขยันอีกหน่อย ยิงให้คมอีกนิดและให้โอกาสดาวรุ่งต่อเนื่อง

นี่อาจจะกลายเป็นฤดูกาลที่สำคัญยิ่งสำหรับสโมสรเลยก็ว่าได้ครับทุกท่าน ...
k

*หมายเหตุ : นี่คือคอลัมน์ที่มาก่อนเกมแคปปิตอล วัน คัพนะครับ ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่ไม่ได้มีการพูดถึงเกมในนัดนี้

*ผมแปลจากคอลัมน์ของ Dave Disciascio ก่อนจะมาผสมในสไตล์ของตัวเองเช่นเคยนะครับ

 

 

ที่มา : http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=676922

 

 

Go to top