นี่คือรถจักรยานยนต์ทั้ง 10 คันจาก 9 บริษัทผู้ผลิตที่ได้รับการโหวตว่าพวกมันคือสุดยอดตลอดกาลของโลกแห่งรถสองล้อ ติดเครื่องยนต์...
จักรยานยนต์ สองล้อ เป็นพาหนะในการเดินทางที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้มานานกว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของการประดิษฐ์เครื่องจักรกลเพื่อการเคลื่อนที่ของมนุษย์ มาจนถึงยุคปัจจุบัน รถมอเตอร์ไซค์ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของผู้คนที่ต้องการพาหนะในการเดินทาง ที่มีราคาไม่แพง เล็กกระทัดรัด ประหยัดเชื้อเพลิง และบำรุงรักษาได้ง่ายกว่ารถยนต์ กาลเวลาได้เดินทางมาจนถึงยุคที่รถจักรยานยนต์กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ใน ชีวิตประจำวันของผู้คน จากรถมอเตอร์ไซค์ราคาถูกเครื่องยนต์ขนาดจิ๋วไปจนถึงของเล่นราคาแพงของเหล่า เศรษฐีคนมีตังค์ และนี่คือรถสองล้อติดเครื่องยนต์ทั้ง 10 คันในแต่ละยุคสมัย ที่มีความยอดเยี่ยมจนได้รับการบันทึกเอาไว้ว่า มันคือรถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น
{youtube width="450"}P_bzlXJzaus{/youtube}
อันดับที่10
Harley Davidson ทำให้วงการรถมอเตอร์ไซค์ต้องตะลึง เมื่อทำการเปิดตัว EL 61 หรือที่รู้จักกันในนาม Knucklehead เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1935 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของระบบวาล์วแบบใหม่ล่าสุดในยุคนั้น นักเลงมอเตอร์ไซค์ต่างพากันประทับใจ ในขณะที่เครื่องยนต์ Side-Valve คือเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานแบบ Big V-Twins ซึ่งต่อมากลายเป็นสไตล์ของรถจักรยานยนต์จาก Harleys Davidson รถมอเตอร์ไซค์ Knucklehead มีการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พลังของเครื่องยนต์เหนือกว่า และความสวยงามของรูปทรง ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมจนขึ้นสู่ทำเนียบจักรยานยนต์คลาสสิกของโลก เครื่องยนต์โอเวอร์เฮตวาว์ลให้พลัง 40 แรงม้าที่ 4,800 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
![harley.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/harley.jpg)
อันดับที่9
รถ จักรยานยนต์แบบแข่งขันในยุค 1950 ของยุโรปจากบริษัท Moto Guzzi แห่งประเทศอิตาลี ได้จับเอาจินตนาการในการออกแบบจากสนามแข่ง เพื่อให้มันสามารถทำความเร็วทั้งทางตรงและทางโค้งในสนามแข่งขันของรายการ มอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ในยุค 50 Moto Guzzi V8 เป็นรถแข่งทางเรียบที่มีเครื่องยนต์ขนาด 500 ซี.ซี. ซึ่งสร้างพละกำลังได้อย่างเหลือเชื่อโดยเกิดจากมันสมองอันอัจฉริยะของวิศวกร ชาวอิตาเลียนชื่อ Guiliano Carcano
![guzzi.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/guzzi.jpg)
Moto Guzzi V8 1955
อันดับที่8
หลัง จากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง และประเทศอิตาลีอยู่ในสถานะแพ้สงคราม บริษัท Piaggio ที่แต่เดิมมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือ และชิ้นส่วนของเครื่องบินรบในกองทัพ ต้องหันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายๆ เพื่อความอยู่รอด จึงหันมาผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็กของรถจักรยานยนต์ และเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะคันเล็กๆ เอาไว้เดินทางขนส่งในอิตาลี ซึ่งมีถนนหนทางในเมืองใหญ่ ที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยเล็กๆ ด้วยการใช้เศษซากอลูมิเนียมจากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มาขึ้นรูปจนออกมาเป็นสกู๊ตเตอร์ หรือรถจักรยานยนต์คันเล็กๆ ที่มีล้อต่ำ (ล้อของรถVespaในยุคแรกเริ่ม ยังคงใช้ล้อหลังของเครื่องบินที่ถูกนำมาดัดแปลง แล้วติดตั้งเข้าไป) ช่วยในการขับขี่ ไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน และมีราคาขายไม่แพงจนเกินไป เดือนธันวาคม ค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่เน้นความสะดวกสบาย มีล้ออะไหล่พร้อมยางที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง การออกแบบเพื่อให้ขับขี่ได้ง่าย เสียงของเครื่องยนต์ดังคล้ายกับฝูงตัวต่อที่กำลังบิน มันจึงถูกตั้งชื่อว่า Vespa ซึ่งแปลว่า "ตัวต่อ" ในภาษาอิตาเลี่ยนนั่นเอง
![vaspa.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/vaspa.jpg)
Vespa 1946-2010
อันดับที่7
นี่ คือรถจักรยานยนต์คุณภาพสูงจากความคิดในการสร้างสรรค์ของชายชาวอังกฤษชื่อ George Brough ซึ่งทำหน้าที่วิศวกรของโรงงานผลิตเครื่องจักร์กล เช่น รถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ในเมือง Nottingham ประเทศอังกฤษ ในช่วงปีค.ศ. 1919-1940 รถจักรยานยนต์ Brough Superior SS 8 ถูกเปรียบเทียบว่ามันคือ Rolls-Royce ในโลกของมอเตอร์ไซค์สองล้อโดยนิตยสารรถจักรยานยนต์ชั้นนำในยุโรป รถจักรยานยนต์ Brough Superior SS 8 ถูกผลิตเพียง 3,048 คัน ใน 19 แบบ จากช่วงเวลาของอายุไขในการผลิต 21 ปี George Brough เป็นทั้งนักแข่ง วิศวกร และนักออกแบบ ทำให้การสร้างรถจักรยานยนต์ Brough Superior มีประสิทธิภาพและคุณภาพที่เหนือกว่ารถจักรยานยนต์อื่นๆ ในยุค 1920-1940 การประกอบรถจักรยานยนต์ Brough Superior SS 8 แต่ละคันมีความละเอียดปราณีตสูงมาก จนสามารถเทียบได้กับการประกอบรถยนต์ของบริษัท Rolls-Royce เลยทีเดียว มอเตอร์ไซค์ Brough Superior SS 8 ทุกคัน จะถูกทดสอบอีกหลายครั้ง หลังจากขั้นตอนในการผลิตและทดสอบเสร็จสิ้นลง มันจะถูกประทับตราโดยใช้ชื่อของ George Brough เพื่อการรับประกัน ตัวรถสามารถทำความเร็วได้กว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ความเร็วประมาณ 90 ไมล์ต่อชั่วโมง ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือจากคันบังคับได้อย่างสบาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสถียรของตัวรถ และทำให้มันกลายเป็นรถจักรยานยนต์ที่แพงที่สุดในยุค 1920-1930 ในปัจจุบันนี้ รถมอเตอร์ไซค์ Brough Superior SS 8 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000 เหรียญ และขึ้นสู่ทำเนียบจักรยานยนต์คลาสสิกตลอดกาล ทั้งจากสมถรรนะและความหายากของมัน
![brough.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/brough.jpg)
Brough Superior SS 8 1925
อันดับที่ 6
Britten คือรถจักรยานยนต์ที่เกิดจากความฝันและแรงบันดาลใจของ John Britten ชายชาวอเมริกันผู้ซึ่งรักความเร็วและการแข่งขันจักรยานยนต์เป็นชีวิตจิตใจ John Britten มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพื่อสร้างเอกลักษณ์และสมถรรนะอันสุดยอดของรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการแข่งขัน และทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งต่อมากลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกแห่งกีฬามอเตอร์สปอร์ตสองล้อ รถ V1000 เป็นชัยชนะของความเฉลียวฉลาด และความเพียรในการคิดค้นออกแบบ และสร้างสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก Britten V1000 คือแบบอย่างทางวิศวกรรมขั้นสูง แต่ใช้ทุนวิจัยไม่มากเท่ากับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันของทีมแข่งจาก ค่ายผู้ผลิตอื่นๆ ทั้งญี่ปุ่นและอิตาลี ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณในการพัฒนามากกว่าหลายเท่า กระบวนการผลิตรถ Britten V1000 เกิดขึ้นในบริเวณสวนหลังบ้านของ John Birtten เอง ซึ่งดัดแปลงเป็นโรงงานขนาดเล็ก เฟรมตัวถังใช้วัสดุประเภทคาร์บอนคอมโพสิตน้ำหนักเบา แขนอามส์หลังแบบเดี่ยวขนาดใหญ่ทำจากเคฟล่า เครื่องยนต์สี่จังหวะปริมาตรความจุ 985 ซี.ซี. วางทำมุม 60 องศาแบบ V-Twin 155 แรงม้า บนน้ำหนักตัวที่เบาหวิวเพียง 145 กิโลกรัม หลังจากประสบความสำเร็จในสนามแข่งทั่วสหรัฐอเมริกา John Britten วิศวกรเจ้าของแนวคิด เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปี 1995 ด้วยวัยเพียง 45 ปี คงเหลือทิ้งไว้แต่เพียงตัวรถต้นแบบ ที่ต่อมาทีมรถแข่งชั้นนำทั่วโลก นำเอาแบบอย่างของมันมาใช้จนถึงทุกวันนี้
![britten.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/britten.jpg)
Britten V1000 1995
อันดับที่5
นี่ คือมอเตอร์ไซค์สุดคลาสสิกในยุค 1960 ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากประสิทธิภาพ รูปแบบ และพลัง การออกแบบที่คำนึงถึงการขับขี่ และความเชื่อมโยงระหว่างนักบิดและตัวรถ ที่สอดประสานกันเป็นอย่างดี เมื่อติดเครื่องยนต์ขนาด 650 ซี.ซี. รถ Triumph Bonneville จะสั่นสะท้านเป็นเจ้าเข้าทรงทั้งคัน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบตัวรถจากโรงงาน แต่เกิดจากพลังของเครื่องยนต์ และการคำนวนรูปแบบของเฟรมที่ยึดเครื่องยนต์และตัวถังเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้มันมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เครื่องยนต์สี่จังหวะ 3 สูบ 46 แรงม้า ที่เร่งความเร็วได้ถึง 115 ไมล์ต่อชั่วโมง ความแข็งแกร่งทนทาน บวกกับพละกำลังและรูปทรงที่งดงามของจักรยานยนต์ในสไตล์อังกฤษ ทำให้รถ Bonneville ทุกรุ่นทุกคัน ยังคงได้รับความนิยมชมชอบจนถึงทุกวันนี้
![triumph.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/triumph.jpg)
Triumph Bonneville 1959
อันดับที่ 4
รถ มอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ Turbo Jet คันนี้ เป็นของเล่นราคาสุดแพงของเศรษฐีบ้าพลัง มีต้นกำเนิดของกำลังเป็นเครื่องยนต์ Rolls-Royce Allison Gas Turbine Turboshaft 500P ที่ติดตั้งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ของทหาร ทำให้มันเป็นรถจักรยานยนต์ล้อสองคันแรกของโลก ที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนแบบกังหันไอพ่น Y2K Jet Engine สร้างโดยวิศวกรเครื่องกลชื่อ Ted McIntyre แห่งบริษัท Marine Turbine Technologies Inc รถจักรยานยนต์สุดระห่ำคันนี้มีความเร็วสูงสุด ซึ่งถูกบันทึกในสถิติโลกที่ 227 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 365 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีป้ายบอกราคาเป็นตัวเลขที่แพงระยับถึง 150,000 US $ เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่ามันคือ "รถจักรยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและแพงที่สุดคันหนึ่งของโลก"
![jet.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/jet.jpg)
อันดับที่ 3
Honda บริษัทของญี่ปุ่น นำรถจักรยานยนต์รุ่น CB ไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปในปี 1969 หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ที่ทำยอดขายถล่มทลายไปทั่วโลก วิศวกรของ Honda ได้ทำการพัฒนารูปแบบและสมรรถนะของเครื่องยนต์ขนาด 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 750 ซี.ซี. โดยกำหนดคุณสมบัติของเครื่องยนต์ให้มีความแข็งแกร่งทนทาน ให้พลังสูงสุดที่ 67 แรงม้า บริษัท Honda วางแผนที่จะเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ให้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของโลก ในด้านคุณภาพและปริมาณ เพื่อทำให้แบรนด์มีคุณภาพ และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำอย่าง Triumph, BMW, และ Harley เพื่อเป็นพื้นฐานในการออกแบบมอเตอร์ไซค์ให้กับผู้ขับขี่ในทุกระดับชั้น รถ Honda CB 750 1969 เชื่อมโยงรูปแบบของจักรยานยนต์ที่สวยงามกับงานของตัวรถแข่งในแบบ Grand Prix
![hondacb.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/hondacb.jpg)
Honda CB750 1969
อันดับที่ 2
Ducati 916 เป็นรถจักรยานยนต์อิตาลี ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยวัตถุประสงค์หลัก คือการเข้าร่วมทำการแข่งขันในสนามแข่งมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์ ชิงแชมป์โลก หลังจากผ่านการใช้งานในสนามแข่ง เครื่องยนต์ Ducati 916 อันทันสมัย ก็กลายเป็นอนุพันธ์ของรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการแข่งขันแทบทั้งสิ้น โดยโครงสร้างและเครื่องยนต์ของ 916 ได้รับการปรับปรุงจนตัวรถขึ้นสู่สมถรรนะสูงสุด Ducati 916 ใช้เครื่องยนต์สี่จังหวะ วางทำมุม 90 องศาแบบ L-Twin Cylinder ความจุ 996 ซี.ซี. ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮตแคมสี่วาล์วต่อสูบระบายความร้อนด้วยน้ำ สร้างพละกำลังได้ 144 แรงม้าที่ 12,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุดประมาณ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนน้ำหนักตัวรถ 157 กิโลกรัม สามารถคว้าชัยชนะให้กับทีมแข่งมากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน
![ducati.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/ducati.jpg)
อันดับที่ 1
รถ จักรยานยนต์ Honda Cup เป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กเครื่องยนต์ 50 ซี.ซี. มีรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยโครงสร้างของตัวรถที่ต่ำ ทำให้การก้าวขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย รวมทั้งขับขี่ง่ายรถจักรยานยนต์ตระกูล Cup ของ Honda เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1958 ปัจจุบันรถจักรยานยนต์รุ่นนี้มียอดจำหน่ายทั่วโลกมากถึงกว่า 60 ล้านคันกลไกของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ รวมถึงระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ สามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ของโลก ค่าย Honda ได้ค้นพบวิธีเพิ่มพลังและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ด้วยการเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (RPM) ให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย Honda C50 Cup มีเครื่องยนต์สี่จังหวะ 50 ซี.ซี. โอเวอร์เฮตแคมชาร์ป 4.8 แรงม้า มีความเร็วสูงสุดแบบแม่บ้านจ่ายกับข้าวที่ 75 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้มันกลายเป็นอันดับหนึ่งในประเภทรถจักรยานยนต์ที่มีผู้นิยมชมชอบมากที่ สุดในโลก
![hondacup.jpg alt](http://men.mthai.com/uploads/manager/poppop/hondacup.jpg)
Honda C50 Cub 1958
ที่มา : http://men.mthai.com/car/car-news/3539.html