aระยะวันสองวันมานี้เป็นอีกช่วงที่ข่าวเด่น ๆ ในเมืองไทยมีคนดังคนเด่นปรากฏเป็นข่าวหลายต่อหลายคน เช่นกรณีข่าวการเมืองเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ข่าวสุขกรณีดาราสาว ตั๊ก-บงกช คงมาลัย จะหมั้นกับเจ้าสัวหมื่นล้าน บุญชัย เบญจรงคกุล และก็รวมถึง ’ข่าวเศร้า“ กรณีการเสียชีวิต...

 รวมถึงกรณีการเสียชีวิตของต้นตำรับชีวจิต

’ดร.สาทิส อินทรกำแหง“ กูรูชีวจิตในไทย...

กับกรณี “ดร.สาทิส อินทรกำแหง” ซึ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 86 ปี หลังประสบอุบัติเหตุล้มเพราะภาวะหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลันนั้น นี่ต้องนับว่าเป็นการสูญเสียหนึ่งใน “บุคคลที่มีบทบาทสูงทางด้านการส่งเสริมสุขภาพคนไทย” ด้วยแนวทาง “ชีวจิต” แนวทาง “ธรรมชาติ” แนวทาง “ผสมผสาน” ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนไทยให้ความสนใจแนวทางของ ดร.สาทิส กันเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แม้ว่าในระยะแรก ๆ จะมีกระแสโต้แย้งก็ตามที
rc
ทั้งนี้ กับแนวทางส่งเสริมสุขภาพคนไทยของ ดร.สาทิส นั้น ย้อนไปในช่วงกลางปี 2541 ช่วงที่ ดร.สาทิส เริ่มเป็นที่รู้จักในสังคมไทยในวงกว้าง ช่วงที่ ดร.สาทิส มีอายุ 72 ปี แต่ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนั้นกระแสไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ ดร.สาทิส ยังค่อนข้างเชี่ยวกราก และช่วงนั้น “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็เคยสัมภาษณ์ ดร.สาทิส ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงนั้น ดร.สาทิส ให้สัมภาษณ์ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ สรุปได้ว่า...

“ชีวจิต” เป็นแนวทางดูแลสุขภาพที่ ให้ความสำคัญค่อนข้างมากกับเรื่องอาหารการกิน ที่ไม่ใช่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ เพราะกินเนื้อปลาและอาหารทะเลได้ ส่วนเนื้อสัตว์อื่น ๆ จะงด และจะงดอาหารที่มัน หวาน อาหารแป้งที่ผ่านการขัดขาวและที่ผ่านกระบวนการทางเคมีที่อาจก่อให้เกิดสาร พิษตกค้าง แนวทางนี้จะแนะนำให้กินธัญพืชที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ, ข้าวโพด, ขนมปังโฮลวีท แนะนำให้กิน ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วแดง, ถั่วดำ, ถั่วเหลือง, ถั่วเขียว และผลผลิตจากถั่ว เช่น เต้าหู้ แนะนำให้กิน ผักปลอดสารพิษ แนะนำให้กิน ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้เขียวและไม่มีรสหวาน ซึ่งเพียงวัตถุดิบเหล่านี้ก็ดัดแปลงเป็นเมนูอาหารได้มากมาย
rc
“น้ำอาร์ซี” ก็เป็นสิ่งที่มีการแนะนำให้ดื่ม ซึ่งทำจากข้าวต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการขัดขาว  โดยส่วนประกอบก็มี ข้าวแดง หรือข้าวมันปู, ข้าวซ้อมมือ, ข้าวเหนียวซ้อมมือ, ข้าวสาลีอย่างที่เป็นเมล็ด, ข้าวบาร์เลย์, ข้าวฟ่าง, ข้าวโอ๊ต และลูกเดือย, ลูกบัว นำมาต้ม ปล่อยให้กากข้าวนอนก้น แล้วจึงช้อนเอาแต่น้ำมาดื่มขณะที่ยังร้อนอยู่

’ช่วยเสริมสร้างภูมิชีวิตให้ร่างกาย ช่วยขับถ่ายสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย เป็นการดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นทาง คือก่อนจะเป็นโรค พร้อมไปกับการปฏิบัติตนเพื่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ด้วย“

...นี่เป็นหลักใหญ่ใจความของแนวทางนี้-ของอาหารแนวทางนี้ ที่หลายคนมองว่าเป็น “อาหารรักษาโรค” แต่จริง ๆ แล้วจะเน้นที่การเป็น “อาหารป้องกันโรค” พร้อม ๆ ไปกับการป้องกันด้วยรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งแนวทางนี้ไม่ได้ปฏิเสธการแพทย์สมัยใหม่ยามที่เกิดเจ็บป่วย แต่จะมีการแนะนำให้เป็นไปในลักษณะการแพทย์ผสมผสาน คือใช้ทั้งแนวทางของชีวจิต การแพทย์สมัยใหม่ และอาจรวมถึงสมุนไพรไทย ฝังเข็ม นวดกดจุด และอื่น ๆ
rc
แนวทางนี้ไม่ใช่ลัทธิความเชื่อ-ไม่ใช่ไสยศาสตร์

หากแต่เป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์รูปแบบหนึ่ง

“ผมไม่เคยอวดอ้างเลยว่าชีวจิตรักษาโรคมะเร็งได้ ที่ผ่านมาก็ไม่
เคยประกาศตัวรับรักษาโรค ขายยา หรือแม้แต่ขายอาหารชีวจิต ที่เห็นมีร้านอาหารประเภทนี้เกิดขึ้นแทบจะทั่วทุกมุมเมืองนั้นชาวชีวจิตไป ดำเนินการกันเอง ซึ่งก็เป็นการทำเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวชีวจิตด้วยกัน โดยที่มิได้หวังผลในทางธุรกิจเท่าใดนัก”...นี่เป็นสิ่งที่ ดร.สาทิส ได้เคยกล่าวไว้กับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” และประเด็นสำคัญที่ยิ่งน่าสนใจก็คือ...

“หลัก 5 ประการ ของชีวจิต”

การดำเนินชีวิตให้มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ ด้วยแนวทางที่ช่วยให้ชีวิตปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยมีแนวปฏิบัติที่ยึดธรรมชาติเป็นหลัก ทั้งในเรื่องการกิน การนอน และการใช้ชีวิตในสังคม

ทั้งนี้ ขยายความชัด ๆ สำหรับ “หลัก 5 ประการ” ตามแนวทางเผยแพร่ของ ดร.สาทิส อินทรกำแหง ก็ประกอบด้วย...1. ชีวิตที่ยึดเอาความเป็นธรรมชาติเป็นหลัก 2. ชีวิตที่มีความพอดีและเรียบง่าย  3. ชีวิตที่เป็นไปเพื่อความเป็นเลิศของสุขภาพกายและใจ 4. ชีวิตที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและรักกันอย่างพี่อย่างน้อง 5. ชีวิตที่ดำเนินไปเพื่อสร้างสังคมที่ยุติธรรมไม่เอารัดเอาเปรียบต่อกัน เพื่อสร้างสังคมที่ดีงาม
rc
นี่ก็หมายความว่า...’ชีวจิตที่แท้จริงมิใช่แค่กินแบบชีวจิต แต่คือการดำเนินชีวิตแบบชีวจิต“ ซึ่งหากใครทำตามแนวทางนี้แบบของจริง แบบจริง ๆ นอกจากจะมิได้หมายถึงการต้องมีค่าใช้จ่ายในชีวิตที่สูงแล้ว ก็ยังหมายถึง ’เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีงามด้วย“ ซึ่งสังคมไทยยุคปัจจุบันกำลังต้องการมาก

ณ ที่นี้…ขอร่วมอาลัยต่อการจากไปของ ดร.สาทิส

หวังว่า...ชีวจิตที่แท้จริงคงจะไม่สลายตามไปด้วย!!.

 

 

ที่มา: http://www.dailynews.co.th/article/223/163945

 

 

Go to top